“ช้าง” ส่งเบียร์ดีกรีเข้มรับสงกรานต์
ขณะที่ค่ายคู่แข่งคนสำคัญอย่าง “บุญรอดบริเวอรี่” กำลังขมีขมันบุกเบิกธุรกิจใหม่ๆ ที่ไม่ใช่แอลกอฮอล์เพื่อเตรียมขยายพอร์ตโฟลิโอป้องกันความเสี่ยงจากตลาดแแอลกฮอล์ที่ตลาดเรดโอเชี่ยนเริ่มอิ่มตัวทั้งการออก ทั้งการจัดตั้ง บริษัท ฟู้ด แฟคเตอร์ จำกัด เพื่อเข้ามาสร้างเครือข่ายการดำเนินธุรกิจอาหาร ทั้งตลาดภายในไทยและต่างประเทศ โดยวางแผนกรอบการลงทุนในระยะ 3 ปีข้างหน้า (2561-2563) จะใช้เม็ดเงินลงทุนในกลุ่มธุรกิจ 5,000 ล้านบาท
ทั้งนี้ การจัดตั้ง บริษัท ฟู้ด แฟคเตอร์ ของค่ายบุญรอดฯ มีเป้าหมายเพื่อสร้างเครือข่ายพันธมิตร เชื่อมต่อช่องทางธุรกิจอาหารสู่ตลาดโลก (Network) โดยรูปแบบการลงทุนเป็นการร่วมทุนกับกลุ่มผู้ประกอบการท้องถิ่นในแต่ละประเทศ ซึ่งที่ผ่านมา ได้เจรจากับผู้ประกอบการท้องถิ่นหลายราย ในจำนวนนี้มีอยู่ 3-4 รายที่อยู่ระหว่างการเจรจาร่วมทุน
รวมท้ังก่อนหน้านี้ ค่ายบุญรอดฯ เปิดเกมรุกสตาร์ทอัพเพื่อดันไอเดียดาวรุ่งแจ้งเกิดเวทีโลกด้วยการจัดตั้ง “Singha Ventures” ธุรกิจเงินร่วมลงทุน(Venture Capital Fund หรือ CVC) มีบทบาทในการเป็นผู้สนับสนุนการลงทุนในนวัตกรรมและผลิตภัณฑ์ของกลุ่มสตาร์ทอัพดาวรุ่งระดับโลก(World Start-up) เพื่อสร้างประโยชน์ร่วมกันในอนาคต
ทั้งหมดทั้งมวลของค่ายบุญรอดฯ จะเห็นได้ว่ามีแนวทางในการกระจายความเสี่ยงไปยังกลุ่มนอนแอลกอฮอล์ให้มากขึ้น ในยุคที่เบียร์เป็น Red Ocean เต็มรูปแบบ แถมตลาดไม่โตเพราะกำลังซื้อ + กระแสสุขภาพ ทางออกคือ ไปหาตลาดใหม่ที่ยังมีศักยภาพและเอื้อต่อธุรกิจเดิม Food และ นอนแอลกอฮอล์ จึงเป็นทางออกที่สำคัญของกลุ่มบุญรอดฯ
อีกฟากฝั่งอย่าง ไทยเบฟ ก็มีความเคลื่อนไหวที่น่าสนใจไม่แพ้กันแต่ทว่าต่างมุมอย่างสิ้นเชิง ไทยเบฟยังคงมุ่งมั่นและรุกหนักในตลาดแอลกอฮอล์ ซึ่งก่อนหน้านี้ในช่วงไตรมาสแรกของปีงบประมาณ 2561 ใช้เงินลงทุนไปประมาณ 2 แสนล้านบาท ประกอบด้วย 1.การเข้าซื้อหุ้น 76% ของกิจการร้านอาหารประเภท หม้อต้มหรือแบบฮอทพอท และร้านอาหารคาเฟ่ชิลลี่ของบริษัท Spice of Asia ซึ่งมีจำนวน 10 ร้านค้า ในประเทศไทย 2.การเข้าซื้อหุ้น 75% ของ Grand Royal Group กลุ่มผู้ผลิตสุรารายใหญ่ที่สุดของประเทศเมียนมา 3.การเข้าซื้อกิจการร้าน KFC กว่า 252 สาขาในประเทศไทย และ 4.การเข้าซื้อหุ้น 53.6% ของธุรกิจ เบียร์อันดับ 1 ของเวียดนาม “ไซ่ง่อน เบียร์ แอลกอฮอล์ คอร์ปอเรชั่น” หรือ ซาเบโก (Sabeco) ซึ่งเป็นบริษัทผู้ผลิตเบียร์รายใหญ่ที่สุดของเวียดนาม
จากการลงทุนดังกล่าวเป็นไปตามวิสัยทัศน์ 2020 หรือ 2563 ที่เคยประกาศไว้ตั้งแต่ปี 2557 ที่ต้องการเติบโตทางธุรกิจอย่างมั่งคงและยั่งยืน ทั้งในไทยและขยายไปยังต่างประเทศ โดยเหตุผลที่เลือกเข้าไปลงทุนในเวียดนาม ฐาปน สิริวัฒนภักดี CEO มองว่า เนื่องจากมีประชากรมากกว่า 92 ล้าน คน ตัวเลขการเติบโตทางเศรษฐกิจ ขยายตัว 7% ขณะที่มูลค่าตลาดเบียร์สูงถึง 4,000 ล้านลิตร มากกว่าประเทศไทยที่มีมูลค่า 2,000 ล้านลิตร โดยซาเบโกมีมาร์เก็ตแชร์ในเวียดนาม 41%
อย่างไรก็ตาม หลังจากที่ค่ายบุญรอดผนึกกำลังแบรนด์สิงห์และลีโอ ทวงแชมป์เบียร์ตลาด 2 แสนล้านไปได้สำเร็จ ด้วยส่วนแบ่งรวมเกือบ 68% ทำให้ค่ายไทยเบฟเวอเรจ เจ้าของเบียร์ช้างที่ส่วนแบ่งตลาดลดลงเหลือ 28-39% ต้องหากลยุทธ์ใหม่ๆ เข้ามากระตุ้นยอดขายและเพิ่มส่วนแบ่งตลาด
และนั่นคือ การวางจำหน่ายเบียร์น้องใหม่ล่าสุด “TAPPER X-TRA” ที่มีดีกรีสูงสุดในตลาดเบียร์เมืองไทยในปัจจุบัน ด้วยปริมาณดีกรีแอลกอฮอล์ถึง 6.5% โดยเริ่มวางจำหน่ายแล้วในร้านเซเว่นอีเลฟเว่น และจะกระจายทั่วประเทศตั้งแต่วันที่ 15 มี.ค.นี้เป็นต้นไป
การวางตลาดเบียร์ดีกรีแรงสะใจในคร้ังนี้ เพราะช้างต้องการเจาะกลุ่มเป้าหมายลูกค้าของเบียร์ช้างในอดีตเมื่อครั้งที่เบียร์ช้างวางตลาดครั้งแรกด้วยรสชาติเข้ม ถูกใจคอเบียร์ที่ชื่นชอบรสชาติติดชมปลายลิ้น เมาง่ายไม่เปลือง ซึ่งก็มีอยู่ไม่น้อย และเมื่อผสานกับกลยุทธ์ขายเหล้าพ่วงเบียร์และกลยุทธ์ราคาอย่าง 3 ขวด 100 จนถึง 4 ขวด 100 ยิ่งทำให้เบียร์ช้างไต่อันดับขึ้นมาอย่างรวดเร็ว จนกระทั่งชิงตลาดเบียร์สิงห์ไปในที่สุด
แต่เมื่อลีโอเข้ามาตีตลาดด้วยการชูรสชาตินุ่ม ดื่มง่าย ราคาไม่แพง ต้องยอมรับว่าทำให้เบียร์ช้างเสียศูนย์ไปไม่น้อย เพราะเมื่อสิงห์และลีโอรวมพลังกันตีตลาดจนกลับมาช่วงชิงบัลลังก์เบียร์กลับไปได้ ทำให้ช้างต้องต้องปรับรสชาติให้นุ่มขึ้น รวมถึงปรับแพคเกจจิ้งใหม่หลายครั้ง แต่ก็ยังไม่สามารถทวงแชมป์กลับคืนมาได้
การส่งเบียร์ดีกรีแรงลงตลาดครั้งนี้ จึงถือเป็นอีกหมัดเด็ดของเบียร์ช้าง ที่จะช่วงชิงตำแหน่งผู้นำคืนมา โดยใช้กลยุทธ์เดียวกับสิงห์ นั่นคือการแตกแบรนด์ใหม่เพื่อขยายฐานลูกค้ากลุ่มเป้าหมาย ซึ่งจะนำมาซึ่งส่วนแบ่งตลาดที่เพิ่มขึ้นนั่นเอง
ส่วนจะได้ตำแหน่งผู้นำกลับมาครองหรือไม่ คงต้องดูว่ารสชาติของ TAPPER X-TRA ถูกคอคนไทยมากน้อยแค่ไหน
ใครสายแข็ง! แมนๆ! เดินเห็นตาม 7-11 ก็ลองหยิบดูครับ!
ชขอบคุณ รูปประกอบจาก เพจ L_ก_ฮ