จากสังหา….สู่อสังหาฯ ความท้าทายบทใหม่ของผู้ชายที่ชื่อคมกริช นงค์สวัสดิ์
ความแน่นอนคือความไม่แน่นอนฉันใด ชะตาชีวิตของแต่ละคนมักพลิกผันได้ตลอดเวลาฉันนั้น เช่นเดียวกับชีวิตของผู้ชายที่มากความสามารถ และมากประสบการณ์ในธุรกิจรถยนต์ซึ่งล้วนเป็นรถหรูยาวนานถึง 20 ปี วันนี้เข้ามารับบทบาทใหม่สุดแสนท้าทายในธุรกิจที่เขาไม่คุ้นเคยอย่างอสังหาริมทรัพย์
แน่นอน เรากำลังพูดถึง “คมกริช นงค์สวัสดิ์ “ ผู้ชายมาดอบอุ่น อารมณ์ดีตลอดเวลาที่วันนี้หันหลังให้กับวงการยานยนต์เข้าสู่สังเวียนอสังหาฯ อย่างเต็มตัว โดยเลือกบริษัทที่ใครๆ ก็อยากทำงานด้วยและจัดได้ว่าร่ำรวยที่สุด จ่ายโบนัสพนักงานสูงสุดแถมยังเป็นเบอร์ 1 ของตลาดอสังหาริมทรัพย์เมืองไทยอย่าง “พฤกษา”
คมกริช ตัดสินใจเข้ามาร่วมงานกับพฤกษาเมื่อ 4 เดือนก่อนในตำแหน่ง Executive Vice President ภายใต้การชักชวนของเศรษฐีหุ้นเมืองไทยอย่าง “ทองมา วิจิตรพงศ์พันธ์” ที่เห็นแววการทำงานของเขามาเนิ่นนานโดยหมายมั่นปั้นมือให้เขาทำหน้าสร้างแบรนด์พฤกษาให้อัพเกรดสู่พรีเมียมแบรนด์สอดคล้องกับนโยบายของพฤกษาที่ขยายกลุ่มเป้าหมายจับระดับบนมากขึ้น จากปัจจุบันตลาดกลุ่มนี้มีมูลค่า 1 แสนล้านบาทโดยพฤกษามีแชร์ราว 6-7%และตั้งเป้าขยับเป็น 30% ในอีก 5 ปีข้างหน้า
หนึ่งในกลยุทธ์หลักสู่ฝั่งฝันดังกล่าวคือ การคว้าคมกริชเข้ามาช่วยในการสร้างแบรนด์พฤกษาให้สามารถเข้าไปนั่งอยู่ในใจผู้บริโภคทุกระดับโดยเน้นกลุ่มพรีเมียมซึ่งเป็นกลุ่มเป้าหมายใหม่ของพฤกษาที่ต้องการจับจองเนื่องจากกลุ่มนี้ไม่ได้รับผลกระทบใด ๆ ทั้งสิ้นจากภาวะเศรษฐกิจเพราะกระเป่าหนักอยู่แล้ว
คมกริช ยอมรับว่า การบริหารการตลาดรถยนต์ กับธุรกิจอสังหาฯนั้นมีความแตกต่างกันสิ้นเชิงเพราะเป็นธุรกิจที่เคลื่อนที่ได้กับเคลื่อนที่ไม่ได้ถือเป็นอีกหนึ่งความท้าทายแบบใหม่ในชีวิตของเขาแต่ก็สามารถใช้หลักการตลาดเดียวกัน นั่นคือ ธุรกิจอสังหาฯจะมองเจนเนอเรชั่นต่อไปที่จะมาซื้อสินค้า เพราะสินค้าบ้านมีอายุการใช้งานยาวนานการซื้อซ้ำ ไม่ได้เกิดขึ้นเร็วเหมือนรถยนต์ ดังนั้นการดูแลลูกค้าจึงเป็นเรื่องสำคัญมาก
ปัจจุบัน คมกริชเข้าไปบริหารทีมงานการตลาดของ พฤกษา ที่มีเพื่อนร่วมงานอยู่กว่า 70คน ในขณะที่เขาเป็นหนึ่งในผู้บริหารระดับสูงที่ รายงานต่อ ‘ทองมา วิจิตรพงศ์พันธุ์” นายจ้างซึ่งต่อสายตรงถึงเขาเพื่อชักชวนมาร่วมงาน และเป็นเงื่อนไขที่ตกลงกันหลังจากถูกทาบทาม
เส้นทางชีวิตของคมกริชน่าสนใจไม่น้อย ก่อนมานั่งที่พฤกษา เขามีตำแหน่ง ผู้จัดการทั่วไป บริษัท เฮอริเทจ มอเตอร์ เซลส์ แอนด์ เซอร์วิสเซส (ไทยแลนด์) จำกัด ภายใต้บริษัท มาสเตอร์ กรุ๊ป คอร์ปอเรชั่น (เอเชีย) จำกัด หรือ เอ็มจีซี (MGC) ผู้แทนจำหน่ายรถยนต์หรูหรา แบรนด์ แอสตัน มาร์ติน แบงคอก
ซึ่งก่อนหน้านี้ผ่านการทำงานวงการยานยนต์มาแล้วมากมาย ที่ทำงานที่แรกของเขาคือ ฟอร์ดนิวเอร่า ในโชว์รูมพระโขนงในช่วงที่นิวเอร่า ยังเป็น ผู้แทนจำหน่ายรถยนต์ฟอร์ดในประเทศไทย หลังจากนั้นฟอร์ดเข้ามาทำการตลาดเองโดยยกเลิกการเป็นตัวแทนจำหน่ายของนิวเอร่าและยนตรกิจ ราวปี 2548 คมกริช นงค์สวัสดิ์ ก้าวขึ้นสู่ ผู้จัดการอาวุโสฝ่ายการตลาดองค์กร ฟอร์ด ประเทศไทย หลังจากบริหารฟอร์ด อยู่เป็นเวลานานพอสมควร
หลังจากนั้น ศาสตราจารย์ ดร. อเล็กซานเดอร์ เพาฟเลอร์ ประธานบริหาร บริษัท เมอร์เซเดส-เบนซ์ (ประเทศไทย) จำกัด ประกาศแต่งตั้งคมกริช เป็นผู้จัดการทั่วไปฝ่ายการตลาดและสื่อสารองค์กร เมอร์เซเดส-เบนซ์ (ประเทศไทย) ในวันที่ 15 สิงหาคม 54 ซึ่งการเข้าบริหารงานของแบรนด์พรีเมียมทำให้ เมอร์เซเดส-เบนซ์แข็งแกร่งขึ้นในยุคที่แบรนด์ถูกแย่งตลาดจากเกรย์มาเก็ต
คมกริช ย้ายมาเป็นผู้อำนวยการฝ่ายการตลาดและการสื่อสาร อะซิมุท ยอร์ช ประเทศไทย เป็นการเปิดตลาดแบรนด์ “อะซิมุท” เรือยอร์ชหรูอันดับ 1 ของโลกสัญชาติอิตาเลี่ยน นำเข้าโดย เอ็มจีซี มารีน (เอเชีย) ซึ่งเป็นบริษัทในเครือเอ็มจีซี (MGC)
จะเห็นได้ว่าเส้นทางการทำงานของผู้ชายคนนี้คลุกคลีแบรนด์รถหรูมาทั้งชีวิตและทุกบริษัทล้วนเป็นยักษ์ใหญ่จากต่างประเทศที่หอบเงินกลับออกจากประเทศไทยทั้งสิ้น ขณะที่งานชิ้นใหม่ที่รอพิสูจน์อยู่เบื้องหน้าในวันนี้คือบริษัทคนไทย 100% ซึ่งเงินทองไม่รั่วไหลแน่นอน
จึงไม่แปลกที่จะเตะตา เจ้าสัว“ทองมา” และมอบโอกาสให้เขาปลุกปั้นแบรนด์พฤกษาให้ยกระดับสู่แบรนด์หรูหรา
เฉกเช่นรถที่เขาขับอยู่ทุกวันนี้…..