Biznews

จาก”มันนี่ คาเฟ่” สู่แบรนด์เนมมือสองไฮโซ

จากจำนวนนักท่องเที่ยวชาวไทยที่หลั่งไหลไปเที่ยวประเทศญี่ปุ่นเป็นจำนวนมาก รวมทั้งเม็ดเงินในการใช้จับจ่ายซื้อของนักช็อปไทยที่ไม่เป็นสองรองใครในโลกกลายเป็รปัจจัยสำคัญทำให้ตลาดสินค้าแบรนด์เนมมือสองได้รับความนิยมมากขึ้นเรื่อยๆ ทั้งในเมืองไทยและต่างประเทศ เพราะเป็นช่องทางการระบายสินค้าแบรนด์เนมของนักช็อปไฮโซ

นอกจากเหล่าผู้ประกอบการจากต่างประเทศโดยเฉพาะประเทศแม่ทางด้านสินค้าแฟชั่นและแบรนด์เนมอย่างประเทศญี่ปุ่นที่ดาหน้าเข้ามาขยายกิจการในบ้านเราเพื่อรองรับความต้องการของเหล่านักช้อปแบรนด์เนมมือสองจากแหล่งถึงที่แล้ว ผู้ประกอบการในไทยก็เล็งเห็นโอกาสดังกล่าวด้วยเช่นกัน

โรงรับจำนำมันนี่ คาเฟ่ คืออีกหนึ่งตัวอย่างของการพลิกธุรกิจเดิมเริ่มจากการปรับโฉมธุรกิจดั้งเดิมของครอบครัวคือ โรงรับจำนำ สถานที่ที่พึ่งพิงของใครหลายคนในยามฉุกเฉินย่านปิ่นเกล้าซึ่งเปิดให้บริการมากกว่า 40 ปี มาเป็น Lifestyle Pawn Shop รูปลักษณ์ทันสมัย พร้อมทั้งเปลี่ยนชื่อใหม่เป็น “โรงรับจำนำมันนี่ คาเฟ่ ปิ่นคู่” โดยมี “ชูศักดิ์ ตั้งเลิศสัมพันธ์” ร่วมกับน้องสาว “วาสินี ตั้งเลิศสัมพันธ์” ทายาทรุ่นที่ 3 เข้ามาดูแลกิจการและทั้งคู่มีแนวคิดต้องการสร้างแบรนด์ และสร้างความแตกต่างสำหรับธุรกิจครอบครัว

การกล้าจะแตกต่าง จึงเป็นที่มาของรูปลักษณ์ใหม่โรงรับจำนำกับร้านจำหน่ายทรัพย์หลุดจำนำ รวมถึงการบริการของพนักงาน ซึ่งที่โรงรับจำนำจะมีพนักงานยืนต้อนรับตั้งแต่ประตูทางเข้า พร้อมคำแนะนำบริการต่างๆ ให้กับลูกค้า ถือเป็นอีกบรรยากาศของ การเข้าไปใช้บริการโรงรับจำนำโฉมใหม่เข้ากับไทยแลนด์ยุค 4.0

หลังจากปรับโฉมโรงรับจำนำในรูปแบบใหม่ที่ไฉไลฉีกรูปแบบร้านรับจำนำทั่วไปอย่างสิ้นเชิงแล้ว ทายาทรุ่น 3 อดีตพนักงานบริษัทหลักทรัพย์แห่งหนึ่งได้ต่อยอดธุรกิจเดิม ด้วยการเปิดให้บริการจำหน่ายสินค้ามือสองและของหลุดจำนำคุณภาพดีเปิดร้านภายใต้ชื่อ “มันนี่ คาเฟ่ ช้อป ยูสด์ แอนด์ ไลฟ์สไตล์” ในย่านสยามสแควร์ ซอย 3 เมื่อปีที่ผ่านมา

ล่าสุด จากความนิยมสินค้าแบรนด์เนมมือสองอย่างบ้าคลั่งของนักช้อปคนไทย “ชูศักดิ์ ตั้งเลิศสัมพันธ์” ในฐานะประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท มันนี่ คาเฟ่ จำกัด บอกว่า หลังจากที่เปลี่ยนภาพลักษณ์ใหม่ของโรงรับจำนำ Money Pinkoo (มันนี่ ปิ่นคู่) ให้ดูทันสมัยขึ้น โดยที่ผ่านมา เห็นพฤติกรรมลูกค้ามาโดยตลอด จนเริ่มเข้าใจว่าอะไรคืออุปสรรค ที่ทำให้ลูกค้าไม่ค่อยกล้าเข้าโรงรับจำนำ อย่างแรกเลยคือ ภาพลักษณ์ ทัศนคติ ซึ่งเป็นสิ่งที่สามารถเเก้ไขได้ โดยสร้างเซอร์วิสใหม่ๆ และทัศนะคติที่ดีให้กับลูกค้า ซึ่งตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา สามารถพิสูจน์ให้เห็นแล้วว่าลูกค้าเริ่มเข้าใจโรงรับจำนำในอีกรูปแบบหนึ่ง และกล้าที่จะเข้ามาหาเรามากขึ้น

จากนั้นก็พยายามคิดต่อยอดธุรกิจโรงรับจำนำของที่บ้าน อยากจะทำให้เกิดพาร์ทของธุรกิจของ แบรนด์เนมมือสองประเภทอื่นๆ อย่างเช่น กระเป๋า นาฬิกา ฯลฯ เลยไปติดต่อ Brand Off Tokyo ร้านซื้อขาย แลกเปลี่ยนสินค้าแบรนด์เนมมือสองรายใหญ่ของญี่ปุ่นที่มีสาขากว่า 50 แห่งทั่วประเทศ ให้มาเปิดในเมืองไทย โดยทำ Proposal เสนอไป ประกอบกับแบล็คกราวน์ที่บ้านเป็นธุรกิจโรงรับจำนำ ซึ่งเกื้อกูลและสนับสนุนซึ่งกันและกันกับแนวทางธุรกิจของเขา ในที่สุดก็ได้มีโอกาสทำธุรกิจ Brand Off Tokyo ที่เมืองไทย โดยใช้ชื่อว่า Brand Off Tokyo by Money Caf? ซึ่งมีแพลนเปิดในช่วงเดือนพฤษภาคมนี้

โดยยังคงคอนเซ็ปต์เรื่อง Sharing Economy และ Sharing Happiness เพราะหลายคนมักคิดว่าธุรกิจที่จำหน่าย หรือซื้อขายสินค้าแบรนด์เนม มักจะมีหลายพาร์ทที่เราต้องเป็นห่วง เช่น ความคุ้มค่า ราคา และสภาพของสินค้า ซึ่งเราเป็นตัวกลาง และมีประสิทธิภาพในการทำบทบาทตรงนี้ได้ดีของธุรกิจขายสินค้าแบรนด์เนมมือสอง ที่เปรียบได้กับการตอบโจทย์สังคม ทั้งในเรื่องของการบริการทรัพยากรอย่างมีคุณค่า และความสุขที่ส่งต่อกันได้ผ่านของแบรนด์เนม

นอกจากนี้ยังมี Specialist จากญี่ปุ่น ที่มาดูแลทั้งในเรื่องของคุณภาพสินค้า ความเป็นมาตรฐานที่ไว้ใจได้ในหลายๆ ประเทศ รวมทั้งข้อดีของการเป็น International Brand ทำให้เราจะมีแหล่งในการหาของที่วาไรตี้มากกว่า บวกกับสตอรี่อันยาวนานของ Brand Off Tokyo ซึ่งเปิดมานานกว่า 25 ปี มีระบบเทรนนิ่งทั้งภายในและภายนอก แม้แต่บุคลากรที่เข้ามาทำงานในบ้านเราก็ผ่านการเทรนนิ่งมาแล้ว นอกจากนี้ Brand Off Tokyo ยังอยู่ในสมาคม AACD (The Association Against Counterfeit Product Distribution) สมาคมที่ต่อต้านและป้องกันสินค้าเลียนแบบ ซึ่งทำให้ลูกค้าของ Brand Off Tokyo เกิดความมั่นใจได้ทั้งเรื่องคุณภาพ ราคา และสินค้าที่เป็นของแท้ 100%

“ทรัพยากรทุกวันนี้มีอยู่อย่างจำกัด การใช้สินค้ามือสองทำให้ลดทรัพยากร และปริมาณขยะได้เป็นอย่างดี ทำให้คนมองสินค้าแบรนด์เนมมือสองเป็นสินค้าที่คุ้มค่า เพราะต้นทุน ความสุข และความพึงพอใจทุกอย่างก็จะถูกแชร์กันไป ถึงที่สุดแล้วก็จะดีกับตัวบุคคล สังคม และโลกต่อไปได้ เราจึงอยากจะให้ Brand Off Tokyo by Money Caf? เป็นองค์กรที่ยึดมั่นในชุดความคิดของ Sharing Economy เพื่อให้ผู้บริโภคใช้สินค้าที่มีคุณภาพในราคาที่ถูกลง และช่วยโลกในเรื่องของการผลิตที่ลดลงได้” ชูศักดิ์ กล่าวทิ้งท้าย

วันนี้สาวกแบรนด์เนมมือสองไม่ต้องบินไกลถึงญี่ปุ่นแล้วล่ะ ยังงัยก็ใช้จ่ายแบบพอตัว ไม่ฟุ่มเฟือยไปกับกระแสแฟชั่นจนเกินพอดี

น่าจะเหมาะกับสังคมไทยในยุครัดเข็มขัดเพลานี้นะ ออเจ้าทั้งหลาย

Related Articles

Back to top button
X
%d bloggers like this: