Real Estate

จับเข่าคุย “พีระพงศ์ จรูญเอก” กับดีลสะท้านฟ้า

นาทีนี้ในแวดวงธุรกิจอสังหาริมทรัพย์คงไม่มีผู้บริหารคนไหนร้อนแรงเท่ากับชายหนุ่มที่ชื่อ “พีระพงศ์ จรูญเอก” ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด ซึ่งถือเป็นหนึ่งในต้นแบบการบริหารของคน GEN Y ที่ประสบความสำเร็จในธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ประเภทห้องชุดหรือคอนโดมิเนียมก็ว่าได้

ความน่าสนใจของผู้ชายคนนี้มีไม่น้อย เริ่มตั้งแต่การเริ่มต้นชีวิตลูกจ้างในวัย 21 ก็ได้รับความไว้วางใจจากเจ้านายให้เป็น Project Manager คุมโครงการมูลค่า 300 ล้านบาท ถัดมาในวัย 26 ปีคิดการใหญ่ด้วยการสร้างอพาร์ทเมนต์ของตัวเองใช้เงินลงทุนกว่า 40 ล้านบาท ให้เช่า กระทั่งในวัย 33 ปี ก็สามารถก้าวขึ้นมาเป็น CEO ดูแลธุรกิจมูลค่ากว่าหมื่นล้าน ซึ่งถือว่าเป็นความสำเร็จสูงสุดในการเป็นนักบริหารมืออาชีพของเขา ปัจจุบันในวัย 40 ต้นๆ เขากลายเป็นเจ้าของบริษัทพัฒนาคอนโดมิเนียมรวมมูลค่ากว่าหมื่นล้านบาท

ล่าสุด สร้างความฮือฮาชนิด Talk Of The Town อีกครั้งเมื่อ ผนึกกำลัง “พราวด์ เรสซิเดนซ์” ของตระกูลดังอย่าง ลิปปตภัลลพ ถือเป็นการซินเนอร์จี้ธุรกิจที่ทำให้วงการอสังหาริมทรัพย์รายอื่นๆ ต้องหันกลับมามองถึงการร่วมมือกันในครั้งนี้ เพราะหลังรวมกันจะทำให้ยอดแบ็กล็อกรวม 24,000 ล้านบาทขึ้นแท่นท็อป 5 ธุรกิจอสังหาฯ เมืองไทยเลยทีเดียว

ลองไปฟังบทสัมภาษณ์ของ พีระพงศ์ จรูญเอก ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) หรือ ORI ผู้พัฒนาโครงการคอนโดมิเนียมภายใต้แบรนด์ ไนท์บริดจ์ (Knightsbridge), นอตติ้ง ฮิลล์ (Notting Hill), และเคนซิงตัน (Kensington) ที่เรียกดีลครั้งนี้ว่า เฟรนด์ลี่ ดีล

  1. การผนึกกำลังกันในครั้งนี้เกิดขึ้นได้อย่างไร
    ตอบ เกิดขึ้นจากการที่ผู้บริหารทั้ง 2 บริษัท คือ บมจ.ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ และ บจ.พราวด์ เรสซิเดนซ์ มีวิสัยทัศน์ในการดำเนินธุรกิจที่ตรงกัน คือ การต้องการสร้างการเติบโตของธุรกิจของทั้ง 2 องค์กร ซึ่ง การร่วมมือกันในครั้งนี้ ส่งผลให้ออริจิ้นได้มีโครงการระดับ Hi-end ในทันที ซึ่งส่งผลให้ บมจ.ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ สามารถมีสินค้าครอบคลุมทุก segment ทั้งยังขยายฐานลูกค้าซึ่งได้กลุ่มลูกค้าระดับบน และลูกค้าต่างชาติเข้ามาอยู่ใน port ด้วย ในขณะเดียวกันก็เป็นข้อดีของทางพราวด์ เรสซิเดนซ์ ที่บริษัทได้เพิ่มความเติบโตในด้านการพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัย เพิ่มเติมจากตลาดไฮเอนด์ ที่บริษัทมีความชำนาญอยู่แล้ว ถือว่าความร่วมมือในครั้งนี้เป็นการต่อยอดธุรกิจของทั้ง 2 บริษัท ให้เติบโตยิ่งๆ ขึ้นไป
  2. รายละเอียดในการร่วมมือกันในครั้งนี้มีรายละเอียดอย่างไรบ้าง
    ตอบ เรียกว่าเป็นการร่วมมือกันทางธุรกิจ เนื่องจากเป็นเงื่อนไขที่ทั้ง 2 บริษัทได้รับผลประโยชน์ และต่อยอดทางธุรกิจของทั้งคู่ โดยมีรายละเอียดดังนี้ บมจ.ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ เข้าซื้อหุ้นทั้งหมดของบริษัท พราวด์ เรสซิเดนซ์ จำกัด จำนวน 10,000,000 หุ้น ซึ่งเป็นอัตรา ร้อยละ 100 ของ พราวด์ เรสซิเดนซ์ จากผู้ถือหุ้นเดิม ซึ่งประกอบไปด้วย

    1) บริษัท พราว บีชคลับ หัวหิน จำกัด

    2) บริษัทพีเอ็นแคปปิตอล จำกัด

    และ 3)คุณธงชัย บุศราพันธ์

    โดยมีราคาเข้าซื้อหุ้น ทั้งหมด จำนวน 4,000,000,000 บาท (“ราคาหุ้น”) ซึ่ง บมจ.ออริจิ้น ฯ จะชำระราคาหุ้น รวมเป็นมูลค่าทั้งสิ้น 4,000,000,000 บาท โดยแบ่งเป็นการชำระราคาหุ้นด้วยตั๋วสัญญา ใช้เงิน จำนวน 3,000,000,000 บาท โดยตั๋วสัญญาใช้เงินดังกล่าวมีการรับประกันการใช้เงิน ทั้งจำนวนด้วย การอาวัลโดยธนาคารพาณิชย์ในประเทศไทยและเงินสดจำนวน 1,000,000,000 บาท ในขณะเดียวกัน กลุ่มบริษัท พราวด์ เรสซิเดนซ์ ก็จะเข้าทำการซื้อหุ้นสามัญของบมจ. ออริจิ้น ฯ ในมูลค่า 1,000,000,000 บาท คิดเป็นจำนวน 5% ของทุนจดทะเบียนหลังจากการเพิ่มทุน

  3. ดีลในครั้งนี้มีเรื่องของการเพิ่มทุนเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย ขอทราบรายละเอียดเกี่ยวกับการขอเพิ่มทุน จาก 780,791,954.50 บาท เป็น 821,390,540 บาท

    ตอบ เราได้ความเห็นชอบในการอนุมัติเพิ่มทุนจดทะเบียนบริษัท อีก 40,598,585.50 บาท จากเดิมบริษัทมีทุนจดทะเบียนจำนวน 780,791,954.50 บาท แบ่งออกเป็น1,561,583,909 หุ้น มูลค่าหุ้นละ 0.50 เป็นทุนจดทะเบียนจำนวน 821,390,540 บาท แบ่งออกเป็น 1,642,781,080 หุ้น มูลค่าหุ้นที่ตราไว้หุ้น ละ 0.50 บาท โดยการออกหุ้นสามัญ เพิ่มทุน จำนวน 81,197,171 หุ้น มูลค่าหุ้นที่ตราไว้หุ้น ละ 0.50 บาท

    ให้ความเห็นชอบการจัดสรรหุ้น สามัญเพิ่มทุนให้แก่บุคคลในวงจำกัด (PrivatePlacement) จำนวน ทั้งหมดหมด 81,197,171 หุ้น มูลค่าหุ้นที่ตราไว้หุ้นละ 0.50 บาท ดังนี้

    1) จัดสรรหุ้นสามัญเพิ่มทุนจำนวน 56,838,020 หุ้น มูลค่าหุ้น ที่ตราไว้หุ้นละ 0.50 บาท ให้แก่ นาง จรัสพิมพ์ ลิปตพัลลภ ในราคาหุ้น ละ 12.3157 บาทรวมเป็นมูลค่าทั้งสิ้น 700,000,002.91 บาท

    2) จัดสรรหุ้นสามัญเพิ่มทุนจำนวน 12,179,576 หุ้น มูลค่าหุ้นที่ตราไว้หุ้นละ 0.50 บาท ให้แก่ นายธงชัย บุศราพันธ์ ในราคาหุ้น ละ 12.3157 บาท รวมเป็นมูลค่าทั้งสิ้น 150,000,004.14 บาท

    3) จัดสรรหุ้นสามัญเพิ่มทุน จำนวน 12,179,575 หุ้น มูลค่าหุ้นที่ตราไว้หุ้นละ 0.50 บาท ให้แก่ นางนุ่น ทวีศรี ในราคาหุ้น ละ 12.3157 บาท รวมเป็นมูลค่าทั้งสิ้น 149,999,991.83 บาท

    จากการเพิ่มทุนและมีผู้ถือหุ้นเข้ามาใหม่เป็นกลุ่มผู้ถือหุ้นของ บจ.พราวด์ เรสซิเดนซ์ จำนวนเงิน 1,000,000,000 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 5 ของหุ้นใน บมจ.ออริจิ้น โดยแบ่งเป็น

    นาง จรัสพิมพ์ ลิปตพัลลภ ถือหุ้นร้อยละ 3.5
    นายธงชัย บุศราพันธ์ ถือหุ้นร้อยละ 0.75
    นางนุ่น ทวีศรี ถือหุ้นร้อยละ 0.75
    ดังนั้น เราจึงเรียกการผนึกกำลังในครั้งนี้ว่า การร่วมมือกันทางธุรกิจ เพื่อต่อยอดธุรกิจของทั้ง 2 บริษัท เติบโตยิ่งขึ้น

  4. สิ่งที่ได้มาจากการผนึกกำลังกันในครั้งนี้ทางออริจิ้นและทางพราวด์ได้อะไรบ้าง
    ตอบ บมจ.ออริจิ้นฯ​ จะสามารถเพิ่มขีดความสามารถในการดำเนินธุรกิจการแข่งขัน จากการขยาย เข้าสู่ตลาดคอนโดมิเนียมระดับบน ซึ่งจะช่วยสร้างการรับรู้ และความเชื่อถือของกลุ่มลูกค้าระดับบน เพิ่มขึ้น และสามารถขยายฐานลูกค้าไปยัง ลูกค้าระดับบน ลูกค้ากลุ่มนักลงทุน และลูกค้าชาวต่างชาติ ได้อย่างรวดเร็ว รวมทั้งได้สร้างสัมพันธ์กับกลุ่มพันธมิตรธุรกิจใหม่ อีกทั้งกลุ่มบริษัทฯ และบุคลากร ของกลุ่มบริษัท จะได้มีโอกาสเรียนรู้และพัฒนาโครงการระดับบนจากประสบการณ์ของผู้บริหาร และทีมงานผู้พัฒนาโครงการ ในส่วนของกลุ่มบริษัท พราวด์ เรสซิเดนซ์ ก็จะได้เพิ่มโอกาสในการขยายตัวเข้าไปสู่ตลาดแมสและตลาดในประเทศ ซึ่งจะเป็นการกระจายการลงทุนให้สอดคล้องกับทิศทางการขยายตัวทางเศรษฐกิจในอนาคต
  5. โครงการสร้างผู้บริหารโครงการ PARK24 หลังจากมีการร่วมทุนแล้วจะเป็นอย่างไร
    ตอบ ไม่มีการเปลี่ยนแปลงใดๆ สำหรับ PARK24 การบริหารงาน การดูแลลูกค้า ยังคงเป็นทีมงานเดิมของ บริษัท พราวด์ เรสซิเดนซ์ จำกัด โดยทีมงานนี้จะรับผิดชอบการดำเนินโครงการไปจนสิ้นสุดโครงการ โดยที่คุณธงชัยและทางออริจิ้น จะร่วมกันพัฒนาโครงการระดับ Hi-End ในแบรนด์ PARK ที่จะเกิดขึ้นในสุดยอด Location ใจกลาง CBD กรุงเทพมหานครซึ่งจะส่งผลทำให้ ORIGIN GROUP จะเป็นผู้นำในการพัฒนาคอนโดมิเนียมครอบคลุมทุก segment เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าทุกระดับ
  6. ขอทราบรายละเอียดของโครงการ PARK24
    ตอบ โครงการ Park 24 เป็นโครงการ คอนโดมิเนียมแนวสูง ประกอบด้วย 5 อาคาร ขนาด 29 ชั้น 2 อาคาร, 51 ชั้น 2 อาคาร และ 44 ชั้น 1 อาคาร จำนวนรวม 2,076 ยูนิต ตั้งอยู่ในซอยสุขุมวิท 24 เพียง 500 เมตรจากสถานี BTS พร้อมพงษ์และห้างสรรพสินค้า ดิ เอ็มโพเรียม มีมูลค่าโครงการประมาณ 17,000,000,000 บาท และ มีลูกค้าทำสัญญาจะซื้อ จะขายห้องชุดแล้ว (Backlog) เป็นมูลค่าประมาณ 10,500,000,000 บาท ซึ่งจะมีการรับรู้รายได้ ต่อเนื่องในช่วงปี 2017-2020
  7. ปัจจุบันโครงการ PARK24 มีความคืบหน้าโครงการอย่างไรบ้าง
    ตอบ เฟส 1 มูลค่ารวม 6,000 ล้านบาท จะเริ่มโอนในช่วงปลายปี 2017 และเฟส 2 มูลค่า 11,000 ล้านบาท ก่อสร้างแล้วเสร็จประมาณ 50% จะเริ่มโอนในช่วงปลายปี 2018

  8. ปีนี้ออริจิ้นจะปรับเป้ายอดขาย หรือเป้ารับรู้รายได้เลยหรือไม่

    ตอบ ยังไม่ปรับ เนื่องจากเราต้องขออนุมัติจากการประชุมผู้ถือหุ้นก่อน ซึ่งเมื่อมีการปรับตัวเลขเกี่ยวกับผลประกอบการใดๆ ของบริษัท ทางบริษัทฯ จะแจ้งกับทางตลาดหลักทรัพย์ และสื่อมวลชนอีกครั้ง

    แน่นอนว่าดีลครั้งนี้สร้างความสนใจในปรากฏการณ์รูปแบบใหม่ที่ไม่ค่อยมีให้เห็นมากนัก เนื่องจากเป็นการจับมือที่มีความต่างเกือบจะสุดขั้วก็ว่าได้

    ต้องดูกันต่อไปว่าก้าวต่อไปของ. Park24. คอนโดฯ สุดหรูบนถนนสุขุมวิทใจกลางเมืองที่อยู่ในมือออริจิ้นจะเป็นอย่างไร รวมทั้งโครงการอื่นๆภายใต้เฟรนด์ลี่ ดีลนี้จะน่าสนใจระดับไหน. ต้องติดตาม.

Related Articles

Back to top button
X
%d bloggers like this: