“จอน นอนไร่” ออแกนิคส์กลางดง
คงไม่ใช่ทุกคนที่จะสามารถออกแบบขีวิตของตัวเองได้เสมอไป ด้วยเพราะเงื่อนไขของแต่ละคนที่ไม่เหมือนกันทำให้วิถีชีวิตคนเราแตกต่างกันออกไป หากใครโชคดีสามารถออกแบบชีวิตของตัวเองได้ดังฝันโดยที่ไม่ต้องโยนภาระไว้ให้คนข้างหลัง คนๆ นั้นถือว่าโชคดีแบบสุดๆ ก็ว่าได้
“ตุ้ย” เสกสรรค์ อุ่นจิตติ คือผู้ชายที่น่าอิจฉาคนนั้น จากอดีตคนโฆษณามาแทบทั้งชีวิตที่มีความขัดแย้งในตัวเองตลอดเวลา ในยุคหนึ่งผลงานโฆษณาที่เขาเป็นคนคิดในฐานะครีเอทีฟได้รับรางวัลมากมาย จนผลักดันเขาให้ก้าวขึ้นไปถึงตำแหน่งสูงสุด นั่นคือ กรรมการผู้จัดการ หรือ MD บริษัทโฆษณายักษ์ใหญ่ มีรายได้หลายแสนบาทต่อเดือน แต่เขาก็ตัดสินใจลาออกหลังรับตำแหน่งได้ไม่นาน เพราะรู้สึกว่าตัวเองไม่ใช่นักบริหารที่ดี ประกอบกับงานไม่สนุก จน ในที่สุดก็เลือกที่จะไม่ฝืนใจตัวเอง
หลังลาออกจากตำแหน่งผู้บริหาร เสกสรรค์มาเปิดบริษัทโฆษณาเล็กๆ เป็นของตัวเอง ที่สำคัญคือ ธุรกิจของเขาไม่เคยประสบปัญหาเรื่องลูกจ้าง เพราะทั้งบริษัทเขาทำอยู่คนเดียว ด้วยการจัดระบบชีวิตตัวเองใหม่ทั้งหมด เลือกรับงานไม่มากมาย เพียงปีละสามถึงสี่งาน ส่วนเวลาที่เหลือเขาเลือกที่จะออกเดินทางไปเก็บเกี่ยวประสบการณ์ชีวิตเพื่อเดินตามความฝันตัวเองไปทั่วประเทศ ได้สัมผัสกับโลกใบใหม่ที่เขาโหยหามาทั้งชีวิต
“ตื่นเช้ามาได้ไปสัมผัสธรรมชาติ ไปเที่ยวป่า เห็นความงดงามของธรรมชาติ ได้เดินตลาดเช้า เห็นวิถีชีวิตเกษตรกร นับเป็นการค้นพบความรู้ใหม่ รู้จักตัวเองมากขึ้น”
จากจุดนี้เองทำให้เสกสรรค์เริ่มสนใจทำเกษตรอินทรีย์ และนำมาซึ่งหมวกใบใหม่ที่ชอบและใช่กับการเป็นเจ้าของฟาร์มผักออร์แกนิคซึ่งตั้งอยู่ที่ กลางดง จ.นครราชสีมา บนพื้นที่กว่า 5 ไร่ อันเป็นที่ซึ่งเขาปลูกบ้านไว้เมื่อ 20 กว่าปีก่อน โดยใช้ชื่อสุดเก๋ไก๋ว่า ‘จอนนอนไร่’ (John Non Rai) ฟาร์มผักออร์แกนิคที่ใช้ครีเอทีฟมาขายผัก โดยปีนี้เข้าปีที่ 5 ภายใต้สโลแกน “ไม่แปลก ไม่ปลูก” และ ไม่อร่อย ปาทิ้ง ได้เลย
เสกสรรค์ ย้อนอดีตในช่วงวัยเด็กให้ฟังว่า เติบโตมากับก๋ง โดยก๋งของเขาเป็นทั้งนักวิทยาศาสตร์และนักประดิษฐ์ ตอนเด็กเขามักจะชอบหายตัวออกจากบ้านที่อาศัยอยู่กับพ่อแม่ วิ่งไปยังเรือนลึกลับที่เป็นประหนึ่งฉากในหนังห้องหุ่นที่ท้ายสวนของก๋ง ที่นั่นเต็มไปด้วยเครื่องจักรกลและข้าวของประหลาดที่ก๋งประดิษฐ์ขึ้น โดยที่เด็กท้ายสวนในวันนั้นไม่ได้รู้ตัวเองเลยว่าความเป็นก๋งในหลายๆ ด้านกำลังค่อยๆ แทรกซึมเข้ามาในตัวเขา
ส่วนสาเหตุที่ตั้งชื่อไร่ว่า จอนนอนไร่นั้น เสกสรรค์ บอกว่า ด้วยความที่ชื่นชอบวงดนตรี “จอห์น เลนนอน” นักร้อง นักเเต่งเพลงชาวอังกฤษที่มีชื่อเสียงทั่วโลก เมื่อมีโอกาสได้ตั้งชื่อในตัวเองในอินสตาแกรมจึงผวนมาเป็น จอนนอนเล่น จนต่อมาเมื่อมาทำไร่จึงกลายเป็น จอน นอนไร่ ในที่สุด
เจ้าของฉายา จอนนอนไร่ บอกว่า เขาไม่ได้เป็นเกษตรกรธรรมดา แต่เขาคือ Food Maker ผู้ครีเอทอาหาร ทุกอย่างทำเป็นระบบ เป็นกระบวนการ มีที่มาที่ไป และผ่านการศึกษาทดลองด้วยตัวเองก่อนถึงมือผู้บริโภค กล่าวได้ว่า ชอบกินอะไรก็ปลูกแบบนั้น จนกระทั่งเป็นที่มาของสโลแกนว่า “ไม่แปลก ไม่ปลูก และ ไม่อร่อย ปาทิ้ง”
“กลางวันจับจอบ กลางคืนจับเม้าท์” นั่นคือวิถีของจอน นอนไร่ ที่เขาเชื่อว่า ชีวิตคนเราออกแบบเองได้เสมอ โดยในเวลากลางวันเขาคลุกตัวอยู่ในไร่ตั้งแต่เช้ายันเย็น เพื่อคิดค้นหาสิ่งใหม่ๆ ต่อยอดออกไปเรื่อยๆ ขณะที่กลางคืนเขาใช้สมองครีเอทงานที่ทุกวันนี้ยังทำงานโฆษณาควบคู่กัน
วิถีของจอน นอนไร่ คือ ก่อนจะลงมือทำ คุณต้องเห็นให้มาก เหมือนกับตัวเขาที่เห็นทั้งด้านร้ายและด้านดีมาแล้ว แล้วลงมือทำตั้งแต่เพาะเมล็ดพันธุ์ และเผ้าดูมันเจริญงอกงาม เหมือนการทำโฆษณา ที่ต้องเข้าใจทุกสิ่งทุกอย่าง ต้นไม้ก็เช่นกันกัน ต้องเข้าใจว่ามันมีชีวิตได้อย่างไร ตำราที่เขียนไว้กับสิ่งที่เกิดขึ้นจริงเป็นคนละเรื่อง ต้องเดินหน้าทดลอง เพราะการทดลองทำให้เกิดสิ่งใหม่ๆ ได้เสมอ
ที่สำคัญคือ ด้วยความที่เป็นนักโฆษณาจึงมักทำสิ่งที่ไม่ธรรมดาและสิ่งนี้ได้ติดตัวเขาไปยังจอน นอนไร่ ด้วยเช่น จากความที่เขาชอบแหกกรอบ แต่ก็จะบอกทุกคนเสมอว่า ต้องเรียนรู้กรอบก่อน ตัวอย่างเช่น เขาพยายามแหกกรอบนอกฤดูกาล ปลูกผักที่ไม่เหมือนใครและไม่มีใครทำ บางอย่างไม่สำเร็จ ก็เก็บไว้ก่อน อย่างกะหล่ำส้ม ไร่ข้างๆ ปลูกแครอทสีส้ม แต่จอน นอนไร่ ครีเอท มาปลูกแครอทสีเหลือง สีม่วง เวลานำไปขายก็ขายด้วยกัน สะท้อนให้เห็นว่า สังคมเกษตรต้องเอื้อกันจะทำให้อยู่รอดได้
เมื่อผักใน จอน นอนไร่ แปลกใหม่และมีการพัฒนาต่อยอดไปเรื่อยๆ ทำให้มีกลุ่มแฟนคลับที่ชื่นชอบสินค้าของเขาเดินทางมาหาถึงไร่ทุกวัน หรือบางครั้งเขาก็แบกผักเข้าเมืองกรุงเพื่อไปส่งให้ลูกค้า ทำให้จากเฟรนด์ต่อยอดกลายเป็นแฟนพันธ์แท้ผักในไร่ของเขาในที่สุด เพราะเขาใช้ความรักในการทำงาน โดยเริ่มจากสิ่งที่ตัวเองชอบก่อน ชอบกินอะไรก็ปลูกตามนั้น แต่ต้องมีการต่อยอดพัฒนาขึ้นไปเรื่อยๆ อย่าหยุดนิ่งอยู่กับที่ เพิ่มสินค้าใหม่อยู่ตลอดเวลา เพราะคือ Food Maker และ Food Craft หรือ ช่างฝีมือผัก ซึ่งจะทำให้ตื่นเต้นอยู่ตลอดเวลา และทำงานอย่างมีความสุข
จากความพิเศษที่กลุ่มลูกค้าของจอน นอนไร่ เป็นลูกค้าเฉพาะกลุ่ม ไม่ใช่ตลาดแมส ทำให้เขาสามารถออกแบบสินค้าได้ตรงตามความต้องการของลูกค้า ได้อยู่กับสิ่งที่ตัวเองรัก ขณะเดียวกันก็แบ่งสรรเวลาให้กับงานโฆษณาด้วย อย่างคำพูดที่ว่า “กลางวันจับจอบ กลางคืนจับเม้าท์”
นี่คือ วิถี จอน นอนไร่ ที่ดูเหมือนจะธรรมดาแต่ไม่ธรรมดาจริงๆ
Profile
Seksun Oonjitti
Farmer ที่ John Non Rai
เคยเป็น Managing Director ที่ Sc Matchbox
เคยเป็น Asso. CD ที่ Leo Burnett
เคยศึกษา Decorative Arts ที่ Silpakorn University
เคยศึกษาที่ Assumption College
อายุ 56 ปี
อาศัยอยู่ที่ เทศบาลนครนครราชสีมา
จาก กรุงเทพมหานคร