จบสวย คสช. ใช้ม.44 พักหนี้ทีวีดิจิทัล 3 ปี
หลังจากสร้างปรากฏการณ์บทใหม่หรือไม่สำหรับกรณีการพลิกล็อคถล่มถลายเมื่อศาลปกครองกลางนัดอ่านคำพิพากษาในคดีหมายเลขดำที่ 652/2559 ระหว่าง บริษัท ไทยทีวี จำกัด ของนางพันธุ์ทิพา ศกุณต์ไชย หรือรู้จักในชื่อ ติ๋ม ทีวีพูล ยื่นฟ้อง คณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ(กสทช.)ในคดีพิพาทเกี่ยวกับการที่หน่วยงานทางปกครองหรือเจ้าหน้าที่ของรัฐออกคำสั่งโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย โดยฟ้องขอให้เพิกถอนคำสั่งเพิกถอนใบอนุญาตให้ใช้คลื่นความถี่ เนื่องจากผู้ฟ้องคดีได้แจ้งยกเลิกใบอนุญาตและยุติการดำเนินการตามใบอนุญาตดังกล่าวไปก่อนแล้ว จึงเป็นเหตุให้ผู้ฟ้องเสียหาย
โดยศาลได้พิเคราะห์แล้วเห็นว่า บริษัทไทยทีวี ผู้ฟ้องคดีมีสิทธิบอกเลิกสัญญาได้ เนื่องจาก กสทช. ไม่ได้ปฏิบัติหน้าที่ตามที่ได้ประกาศเชิญชวนไว้ ดังนั้นเมื่อคู่กรณีบอกเลิกสัญญาแล้ว จึงให้ กสทช. คืนหนังสือค้ำประกันของธนาคารกรุงเทพ ที่ได้วางไว้คืนแก่บริษัทไทยทีวีด้วย ภายใน 60 วันนับแต่คดีถึงที่สุด ส่วนคำขออื่นศาลให้ยกทั้งหมด ซึ่งขณะนี้ทางกสทช.เตรียมยื่นอุทะรณ์ต่อไป
ล่าสุด นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ได้เชิญผู้ประกอบการทีวีดิจิทัล และคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) มาหารือแนวทางช่วยเหลือผู้ประกอบการทีวีดิจิทัล และมีมติเห็นชอบตรงกันให้ผู้ประกอบการทีวีดิจิตอลพักชำระหนี้เป็นเวลา 3 ปี โดยจ่ายอัตราดอกเบี้ยนโยบายของธนาคารประเทศไทย และ กสทช. จะสนับสนุนค่าเช่าโครงข่ายทีวีดิจิทัลไม่เกิน 50% เป็นเวลา 24 เดือน ซึ่งผู้ประกอบการจะพักชำระหนี้หรือไม่ก็ได้ รายที่ประสงค์จะพักชำระหนี้จะต้องยื่นความประสงค์ต่อ กสทช. ภายใน 30 วัน หลังจากคสช. ออกคำสั่ง
อย่างไรก็ตาม จะนำเรื่องเข้าสู่ที่ประชุมร่วมคณะรัฐมนตรี (ครม.) และคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ในวันที่ 27 มี.ค.นี้ เพื่อพิจารณาออกคำสั่งมาตรา 44 คาดว่าจะออกคำสั่งดังกล่าว ได้ภายในเดือนมี.ค.นี้
ด้านนายสุภาพ คลี่ขจาย นายกสมาคมผู้ประกอบการทีวีดิจิทัล กล่าวว่า ผู้ประกอบการทีวีดิจิทัลทุกรายเห็นตรงกันในมาตรการเยียวยาของรัฐ แม้ก่อนหน้านี้จะมีบางช่องที่ไม่ร่วมลงชื่อขอให้รัฐบาลใช้มาตรา 44 ช่วยเหลือ แต่ล่าสุดผู้ประกอบการที่ไม่ร่วมลงชื่อ คือ ช่องเจ็ด , เวิร์คพอยท์, และช่องสาม มาร่วมประชุมด้วย เพื่อยืนยันว่า แม้ไม่ร่วมลงชื่อ แต่ทุกช่องไม่ขัดข้องกับมาตรการนี้ เพราะการพักหนี้ 3 ปี มีความหมายมาก เนื่องจากผู้ประกอบการจะนำเงินค่างวดที่ไม่ต้องจ่าย ไปใช้พัฒนาเนื้อหาและบุคลากร
การใช้มาตรการดังกล่าวจากภาครัฐเข้ามาช่วยเหลือผู้ประกอบการทีวีดิจิตอลที่เข้าข่ายวิกฤตอย่างหนักในเวลานี้น่าจะเป็นทางออกที่ดีสำหรับทุกฝ่ายเพื่อให้ได้มีเวลาหาเม็ดเงินและปรับปรุงช่องของตัวเองให้เกิดประสิทธิภาพ ซึ่งในฐานะผู้ชมก็หวังว่าจะได้ข่าวสารตลอดจนรายการต่างๆ ที่มีสาระ บำรุงสมองกันต่อไป
งานนี้ต้องคงต้องขอบคุณเจ๊ติ๋ม ทีวีพูล ผู้เปรียบเสมือนบุคคลนำร่องก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงหลังจากทีวีดิจิตอลหดหายไปหลายช่องและอยู่ในสถานการณ์อึมครึมมายาวนาน ….