ค่ายอสังหาพร้อมลุยรับปีจอ
ผ่านพ้นช่วงปีใหม่ได้ไม่นาน หลายธุรกิจทะยานต่อเนื่องทันทีด้วยมองเห็นโอกาสในการเติบโตที่หลายฝ่ายคาดกันว่าปีนี้น่าจะดีกว่าปีที่ผ่านมา โดยเฉพาะธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ที่ดาหน้าเปิดตัวโครงการใหม่ๆ กระตุ้นกำลังซื้อผู้บริโภคแต่หัววัน
“ลลิล” ปักหมุดขยายอาณาจักร
ไชยยันต์ ชาครกุล ประธานกรรมการบริหาร บริษัท ลลิล พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) (LALIN) มองว่า เศรษฐกิจไทยในปี 2561 ยังคงมีสัญญาณบวก ซึ่งคาดว่าเศรษฐกิจจะสามารถขยาย ตัวได้ดีขึ้นเล็กน้อยจากปี 2560 ที่คาดว่าจะขยายตัวได้ราว 3.8 – 3.9% โดยการขยายตัวในปี 2561 นั้นจะได้รับปัจจัยสนับสนุนจากภ าคการส่งออกที่คาดว่าจะยังคงขยา ยตัวได้ดี ตามทิศทางเศรษฐกิจและการค้ าโลกที่ขยายตัวได้ต่อเนื่อง ในส่วนของภาคการท่องเที่ยว คาดว่าจำนวนนักท่องเที่ยวจะยังค งขยายตัวได้ดี นอกจากนี้ในปี 2561 นี้ จะมีเม็ดเงินจากมาตรการกระตุ้นเ ศรษฐกิจ และเม็ดเงินจากการลงทุนของภาครั ฐ ที่จะเริ่มทยอยเข้าสู่ระบบเศรษฐ กิจมากขึ้น กอปรกับการคาดการณ์ว่าจะมีการจั ดการเลือกตั้งในช่วงปลายปี 2561 หรือต้นปี 2562 ซึ่งทั้งหมดนี้จะเป็นแรงส่งช่วย ให้เศรษฐกิจไทยขยายตัวได้ต่อเนื่อง รวมทั้งช่วยให้ตัวเลขการบริโภคแ ละการลงทุน ขยายตัวได้ดีขึ้นในระยะต่อไป
สำหรับภาคธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ไทยในปี 2561 คาดว่าจะขยายตัวได้ดีขึ้นจากปี 2560 โดยมีปัจจัยบวกมาจากทิศทางการขย ายตัวของเศรษฐกิจในประเทศ และการลงทุนของภาครัฐ นอกจากนี้ภาพรวมของตัวเลขหนี้ภา คครัวเรือนต่อจีดีพี ที่เริ่มค่อยๆ ปรับลดลง จะช่วยให้กำลังซื้อปรับดีขึ้น ในส่วนของอัตราดอกเบี้ยในประเทศ ยังคงทรงตัวในระดับต่ำ แม้ทิศทางอัตราดอกเบี้ยของสหรัฐ อเมริกามีความเป็นไปได้ที่จะปรั บเพิ่มขึ้นอีกราว 3 ครั้ง ในปี 2561 นี้ โดยมองว่าตลาดที่อยู่อาศัยแนวรา บ ซึ่งเป็นตลาด Real Demand จะยังคงขยายตัวได้ราว 5-7% สำหรับตลาดอาคารชุด อาจต้องระมัดระวังในบาง Sector และในบางทำเล ซึ่งอาจเริ่มเห็นสัญญาณ Over Supply บ้าง
ส่วนการขับเคลื่อนธุรกิจของบริษัทฯ ในปี 2561 ซึ่งนับเป็นปีที่ครบรอบ 3 ทศวรรษยังคงเชื่อมั่นที่จะขยายตัวได้สูงกว่าภาพรวมของตลาดฯ ติดต่อกันเป็นปีที่สาม โดยมีการวางแผนธุรกิจที่สนับสนุนการขยายตัวของบริษัท ทั้งนี้ในปี 2561 นี้ บริษัทมีแผนขยายโครงการใหม่ทั้ง สิ้น 8-10 โครงการ มูลค่ารวมประมาณ 4,500-5,000 ล้านบาท โดยตั้งเป้าหมายยอดขายไว้ที่ 4,400 ล้านบาท และยอดรับรู้รายได้ที่ 4,000 ล้านบาท ซึ่งเติบโตขึ้นราว 15% จากปีก่อน
แผนงานกลยุทธ์โครงการ “ลลิล ทาวน์ (LALIN Town) เตรียมเปิดโครงการใหม่ไว้ 8-10 โครงการ มูลค่ารวมประมาณ 4,500 – 5,000 ล้านบาท ครอบคลุมพื้นที่กรุงเทพฯ-ปริมณฑ ล และต่างจังหวัดในส่วนของหัวเมืองหลัก และหัวเมืองชั้นรอง แบ่งสัดส่วนทำเลออกเป็น โซนกรุงเทพฯ และปริมณฑล 75-80% และในทำเลต่างจังหวัด 20-25%
ในส่วนของทางด้านการเงิน วางงบซื้อที่ดินไว้ที่ประมาณ 1,000 ล้านบาท โดยแหล่งเงินทุนส่วนใหญ่มาจากกระแสเงินสดจากการดำเนินงาน ที่ได้มาจากการโอนโครงการต่างๆ และส่วนหนึ่งจะมาจากการออกหุ้นกู้ ซึ่งจะพิจารณาออกในจำนวนและช่วง เวลาที่เหมาะสม เพื่อให้สอดรับกับการขยายธุรกิจ
มั่นคง เชื่อมีสัญญาณเติบโตต่อเนื่อง
นางสาวดุษฎี ตันเจริญ กรรมการผู้จัดการ บริษัท มั่นคงเคหะการ จำกัด (มหาชน) หรือ MK มองภาพรวมธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ของไทยว่า ตลอดปีที่ผ่านมา ตลาดอสังหาฯ ไทยมีแนวโน้มที่ดีขึ้น แม้ว่าในช่วงต้นปีจะมีบางช่วงที่ชะลอตัวบ้าง เนื่องจากผู้ประกอบการมุ่งเน้นระบายสต็อกที่มีอยู่เดิมมากกว่าการเปิดโครงการใหม่ ตลาดโดยรวมจึงอาจจะยังไม่คึกคักมากนัก
อย่างไรก็ตาม ในช่วงครึ่งปีหลังสถานการณ์ตลาดอสังหาฯ เริ่มมีสัญญาณที่ดีขึ้น ทั้งจากการลงทุนด้านคมนาคมและโครงสร้างพื้นฐานของรัฐบาลที่มีมติให้เริ่มการดำเนินงานอย่างชัดเจน อาทิ โครงการรถไฟฟ้าสายสีชมพู ช่วง แคราย-มีนบุรี, สายสีเหลือง ช่วงลาดพร้าว-สำโรง และสายสีม่วงช่วง เตาปูน-ราษฎร์บูรณะ รวมถึงสถานการณ์ทางการเมืองที่ทางรัฐบาลได้ประกาศว่าจะจัดการเลือกตั้งขึ้นภายในปี 2561 ทำให้นักลงทุนมีความเชื่อมั่นและกล้าตัดสินใจที่จะลงทุนเพิ่มขึ้น
ทั้งนี้จากการประเมินสถานการณ์ของศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) คาดการณ์ว่า ในปี 2560 จะมีการเปิดขายที่อยู่อาศัยใหม่ อยู่ระหว่าง 97,200 – 113,000 หน่วย ซึ่งได้แบ่งการประเมิน 3 ระดับ คือ ระดับสภาพตลาดน้อยที่สุด จะมีจำนวนเปิดใหม่ 97,200 หน่วย เติบโตจากปี 2559 ที่ 0.7%, ระดับกลาง จะมีจำนวนเปิดใหม่ 103,000 หน่วย เติบโตจากปี 2559 ที่ 6.7% และระดับตลาดดีที่สุด จะมีจำนวนเปิดใหม่ 113,000 หน่วย เติบโตจากปี 2559 ถึง 17.1% ซึ่งระบุได้ว่า ตลาดอสังหาฯ ยังมีอัตราการเติบโตอยู่
นอกจากนี้ ยังรวมไปถึงความคืบหน้าที่ชัดเจนของรัฐบาลเกี่ยวกับโครงการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (Eastern Economic Corridor : EEC) สำหรับรองรับการลงทุนในด้านอุตสาหกรรม ส่งผลให้เศรษฐกิจมีการเติบโตขึ้นและส่งผลดีต่อการลงทุนด้านอสังหาริมทรัพย์โดยรวม ซึ่งมั่นคงเคหะการมีการพัฒนาโครงการรองรับในการขยายตัวของเศรษฐกิจบริเวณโซนบางนาทั้งบ้านเดี่ยว บ้านแฝด และล่าสุดได้เปิดตัวโครงการชวนชื่นไพร์ม บางนา เมื่อเดือนตุลาคมที่ผ่านมา ซึ่งได้รับผลตอบรับที่ดีมาก สามารถสร้างยอดขายไปแล้วกว่า 80% ในเฟสแรก และโครงการก่อสร้างของภาครัฐอื่ นๆ อาทิ โครงการก่อสร้างถนนเส้นใหม่ ทางหลวงหมายเลข 346 (ปทุมธานี) ที่ช่วยเพิ่มศักยภาพของการพัฒนา โครงการของมั่นคงเคหะการ รวมทั้งยังเป็นทำเลที่มีความเชี่ยวชาญ ทั้งโครงการชวนชื่นไพร์ม กรุงเทพ-ปทุมธานี และโครงการสนามกอล์ฟ ซึ่งได้มีการรีโนเวทให้ครบครันยิ่งขึ้น คาดว่าจะเผยโฉมให้ได้ชมในช่วงไตรมาสแรกของปี 2561
สำหรับภาพรวมตลาดอสังหาฯ ไทยในปี 2561 มั่นคงฯคาดว่าจะมีแนวโน้มที่ดีต่อเนื่องจากไตรมาสที่ 3 และ 4 ของปี 2560 ทั้งจากการลงทุนด้านคมนาคมของภาครัฐ การผลิตและการใช้จ่ายของภาครัฐที่ขยายตัวมากขึ้น รวมถึงการส่งออกของไทยมีแนวโน้มที่ดีขึ้น ตามภาวะเศรษฐกิจโลกที่มีทิศทางที่ดีขึ้น ซึ่งจะส่งผลทำให้ผู้ซื้อมีความมั่นใจในการจับจ่ายมากยิ่งขึ้นด้วย สอดคล้องกับการประมาณสถานการณ์ตลาดอสังหาฯ ไทยในปี 2561 ของศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ ที่ประเมินว่าตลาดอสังหาฯ จะเติบโตประมาณ 6-8% เพิ่มขึ้นจากปี 2560 ที่เติบโตประมาณ 2-3% โดยปัจจัยต่างๆ นั้น ยังจะทำให้สินเชื่อเพื่อที่อยู่ อาศัยเติบเพิ่มขึ้นด้วย โดยคาดการณ์ว่าในปี 2561 จะสามารถปล่อยสินเชื่อเพื่อที่อ ยู่อาศัยใหม่ได้ไม่ต่ำกว่า 600,000 ล้านบาท คิดเป็นอัตราการเติบโตที่ 3-4%
อารียา จัดแคมเปญรับปี’61
นายวิวัฒน์ เลาหพูนรังษี กรรมการบริหาร บริษัท อารียา พรอพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) เผยถึงการจัดแคมเปญฯ ว่า ได้นำโครงการบ้านแนวราบ และแนวสูง รวม 26 โครงการ จัดแคมเปญสุดพิเศษต้อนรับปีใหม่ “ผ่าน…ทุกความสุข” เพื่อตอบสนองกระแสความต้องการที่อยู่อาศัยบนทำเลคุณภาพ ในราคาขายเริ่มต้นที่ 1.69 – 12.9 ล้านบาท โดยร่วมกับสถาบันการเงินชั้นนำอย่าง SCB และ UOB เพื่อช่วยเหลือเรื่องการยื่นกู้สินเชื่อบ้านให้ง่ายขึ้น ตั้งแต่วันที่ 5 มกราคม – 1 เมษายน 2561
‘เอพี’ ลงทุนต่อเนื่องใน 4 คอนโดใหม่
นายอนุพงษ์ อัศวโภคิน ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เอพี (ไทยแลนด์) จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า เอพี ไทยแลนด์ ได้ยกระดับความร่วมมือทางธุรกิจที่แข็งแกร่ง กับ มิตซูบิชิ เอสเตท กรุ๊ป (หรือ MECG) ยิ่งขึ้นเป็นปีที่ 5 โดยต้นปี 2561 นี้เอพี ไทยแลนด์ และมิตซูบิชิ เอสเตท กรุ๊ป มีแผนที่จะพัฒนาโครงการคอนโดมิเนียมระดับกลาง-บนอย่างต่อเนื่อง โดยในช่วงต้นปีได้มีการลงนามในสัญญาความร่วมมือพัฒนาคอนโดมิเนียมร่วมกัน จำนวน 4 โครงการ มูลค่ารวมประมาณ 23,000 ล้านบาท โดย LIFE สุขุมวิท 62 จะเป็นโครงการแรกที่พร้อมเปิดในเดือนมีนาคม ผ่านระบบ AP i-Booking และโครงการอื่นๆ จะทยอยเปิดตัวตามแผนงานที่กำหนดไว้ ณ ปัจจุบันรวมมูลค่าโครงการร่วมทุน 5 ปีสูงถึง 74,430 ล้านบาท
“เอพีและมิตซูบิชิ เอสเตท กรุ๊ป ถือเป็นพันธมิตรทางธุรกิจรายเดียวที่มีโมเดลร่วมทุนในแบบการจัดตั้งบริษัทแม่ในไทย ภายใต้ชื่อ “บริษัท พรีเมียม เรสซิเดนท์ จำกัด” เพื่อทำหน้าที่บริหารจัดการโครงการภายใต้การร่วมทุน ซึ่งในปีนี้ทางมิตซูบิชิ เอสเตทได้ส่งทีมงานจากญี่ปุ่นที่มีความเชี่ยวชาญเฉพาะด้าน มานั่งทำงานประจำร่วมกับทีมงานเอพีเพิ่มมากขึ้น เพื่อความสะดวกรวดเร็วในการอนุมัติและดำเนินการต่างๆ แผนการร่วมทุนกับกลุ่มมิตซูบิชิ เอสเตท ยังคงเดินหน้าอย่างต่อเนื่อง เพื่อสร้างการเติบโตทางธุรกิจแบบก้าวกระโดด
มร. โชจิโร โคจิมา กรรมการผู้จัดการ บริษัท มิตซูบิชิ เอสเตท เอเชีย ในนามของมิตซูบิชิ เอสเตท กรุ๊ป กล่าวถึงความเชื่อมั่นในศักยภาพเศรษฐกิจไทยและความสำเร็จในการพัฒนาโครงการร่วมกับ เอพี (ไทยแลนด์) ว่า สำหรับงบลงทุนพัฒนาอสังหาฯ ในต่างประเทศของ MECG รวม 3 ปี (2561 – 2563) อยู่ที่ 4 แสนล้านเยน (หรือประมาณ 1.17 หมื่นล้านบาท) เป็นการลงทุนในสหรัฐอเมริกา สหราชอาณาจักร ยุโรป จีน โอเชียเนีย และกลุ่มประเทศอาเซียน ซึ่งประเทศไทยถือเป็นหนึ่งในเป้าหมายหลักของการลงทุนนี้ เนื่องจากประเทศไทยเป็นประเทศที่มีอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจที่แข็งแกร่ง และมีแนวโน้มที่จะเติบโตอย่างต่อเนื่องเช่นนี้ต่อไป โดยเฉพาะในกรุงเทพฯ ที่ทาง MECG เห็นโอกาสจากรายได้ต่อครัวเรือนของคนในกรุงเทพฯ ที่เพิ่มขึ้นทุกปี การขยายตัวของจำนวนประชากรที่ย้ายถิ่นฐานจากต่างจังหวัด อีกทั้งระบบขนส่งมวลชนที่พัฒนาไปมาก ส่งผลให้เกิดการกระจายออกของศูนย์กลางความเจริญของเมืองรูปแบบใหม่ ที่ทำให้วิถีการใช้ชีวิตของคนไทยมีความคล่องตัวในลักษณะครอบครัวขนาดเล็กลงมากขึ้น
ก้าวเข้าสู่ปีที่ 5 แห่งความร่วมมือและมิตรภาพที่แข็งแกร่งยิ่งขึ้น เอพี (ไทยแลนด์) และ มิตซูบิชิ เอสเตท กรุ๊ป ยังคงให้ความสำคัญกับการนำความเชี่ยวชาญของเอพี และ MECG สู่การแลกเปลี่ยนองค์ความรู้ที่ครอบคลุมการพัฒนาที่อยู่อาศัย การพัฒนานวัตกรรมและเทคโนโลยีใหม่ๆ อย่างเข้มข้นและจริงจัง ที่จะสร้างความแตกต่าง ครอบคลุมทุกมิติทั้งในด้าน ‘คุณภาพ’ ‘บริการ’ ‘ความสะดวกสบาย’ และ ‘ความปลอดภัย’ นำเสนอให้เกิดขึ้นจริงในคอนโดมิเนียมเครือเอพี ภายใต้กรอบวิสัยทัศน์ “สร้างสรรค์นวัตกรรมดีไซน์ เพื่อคุณภาพชีวิตที่ดีในอนาคต” (Innovation for Quality Living in the Future) มุ่งยกระดับวงการอสังหาริมทรัพย์ไทยให้มีประสิทธิภาพทัดเทียมนานาประเทศ โดยมีเป้าหมายในเฟสแรกจะร่วมพัฒนาคอนโดมิเนียม 4 โครงการใหม่ มูลค่ารวมกว่า 23,000 ล้านบาท ซึ่งจะทำให้การร่วมทุนครั้งแรกเมื่อปี 2557 จนถึงวันนี้ เอพีและมิตซูบิชิ เอสเตท ได้พัฒนาโครงการร่วมกันมูลค่าสูงถึง 74,430 ล้านบาท
สำหรับภาพรวมตลาดอสังหาฯ ปี 61 อนุพงษ์ มองว่า มีแนวโน้มเติบโตขึ้นตามการคาดการณ์การเติบโตของเศรษฐกิจประเทศที่น่าจะเติบโตได้ถึง 3.8 – 4% กิจกรรมการตลาดและบรรยากาศการตัดสินใจซื้อสินค้าของผู้บริโภคปรับตัวดีขึ้นตั้งแต่ปลายปีที่ผ่านมาต่อเนื่องถึงต้นปี 61 การแข่งขันในตลาดอสังหาฯ ยังคงเกิดจากผู้ประกอบการรายใหญ่ประมาณ 10 รายในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ที่ถือครองส่วนแบ่งอยู่ประมาณ 80% ดังนั้น ผู้ประกอบการที่หวังจะโตต่อต้องปรับกลยุทธ์ให้สอดคล้องกับภาวะเศรษฐกิจและพฤติกรรมของลูกค้าที่เปลี่ยนแปลงเร็วและแบ่งย่อยเป็นกลุ่มที่ซับซ้อน และต้องบาลานซ์พอร์ตสินค้าคอนโดมิเนียมและแนวราบให้สมดุล โดยเชื่อว่าสินค้าคอนโดมิเนียมที่ตอบตลาดระดับกลางถึงบนมีแนวโน้มเติบโตได้ดี เพราะมีซัพพลายในตลาดไม่มาก และสต๊อกส่วนใหญ่ถูกระบายออกไปในปีที่ผ่านมา ขณะที่สินค้าแนวราบยังโตได้ต่อเนื่อง จากกำลังซื้อเรียลดีมานด์
นี่คือระฆังยกแรกเท่าน้ัน เชื่อแน่ว่ายังมีอีกหลายบริษัทรอเปิดตัวอีกเพียบ