ขาใหญ่อสังหาใส่เกียร์ลุยครึ่งปีหลัง
เปิดตัวเลขผลประกอบการในช่วงครึ่งปีแรกเรียบร้อยสำหรับผู้ประกอบการรายใหญ่ในตลาดอสังหาริมทรัพย์ซึ่งล้วนโกยกำไรกันอย่างต่อเนื่อง ระยะเวลาที่เหลือจนถึงสิ้นปีนี้ต่างเร่งเครื่องเปิดโครงการทั้งบ้านเดี่ยว ทาวน์เฮ้าส์ คอนโดมิเนียมรับความต้องการของผู้บริโภคแบบไม่เกรงกลัวภาวะเศรษฐกิจแจ่อย่างใด
“อนันดาฯ” จ่อเปิดตัว 3 โครงการรวด
บริษัท อนันดา ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) ผู้ได้รับฉายาเจ้าพ่อคอนโดมิเนียมติดรถไฟฟ้ายังคงมุ่งมั่นเปิดโครงการใหม่ เพื่อเจาะตลาดกลุ่มลูกค้าคนเมืองอย่างต่อเนื่อง ล่าสุดเตรียมเปิดตัว 3 โครงการใหม่ มูลค่ากว่า 8,300 ล้านบาท บนทำเลศักยภาพสูงสุดติดสถานี รถไฟฟ้า

ชานนท์ เรืองกฤตยา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท อนันดา ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) ผู้นำตลาดคอนโดมิเนียมติดรถไฟฟ้ า เปิดเผยว่า ภาพรวมตลาดคอนโดมิเนียมติ ดรถไฟฟ้าในวันนี้ เชื่อว่าตลาดระดับกลางถึ งไฮเอนด์ไม่น่ากังวล ดีมานด์ยังคงมีอยู่อย่างต่อเนื่ อง และเมื่อเจาะลึกที่ตลาดคอนโดติ ดรถไฟฟ้าย่านพระราม 4 – รางน้ำ –สุขุมวิท 40 พบว่าจำนวนซัพพลายในบริเวณนี้มี ไม่มาก ซึ่งทั้ง 3 ทำเล ยังมีดีมานด์ที่รอสินค้าพร้ อมตอบโจทย์ความต้องการในทุกด้าน อยู่อีกมาก ดังนั้น บริษัทฯ เตรียมเปิดตัวโครงการใหม่ 3 โครงการ บน 3ทำเลศักยภาพสูงสุดติดสถานี รถไฟฟ้า ภายใต้แบรนด์ ไอดีโอ โมบิ (Mobi) คือ โครงการ ไอดีโอ โมบิ พระราม 4 โครงการไอดีโอ โมบิ รางน้ำ และ โครงการไอดีโอ โมบิ สุขุมวิท 40 มูลค่าโครงการรวมกว่า 8,300 ล้านบาท โดยมีการตั้งเป้ายอดขายไว้ที่ 60%
โครงการ ไอดีโอ โมบิ พระราม 4 คอนโด High Rise 36 ชั้น 1 อาคาร จำนวน 486 ยูนิต บนทำเลศักยภาพ ติดถนนพระราม 4 เพียง 0 เมตร จากMRT คลองเตย และ 50 เมตร จากทางด่วนเฉลิมมหานคร ซึ่งถื อว่าเป็นพื้นที่ที่กำลังเติ บโตอย่างรวดเร็ว มูลค่าโครงการ 4,054 ล้านบาท ราคาเริ่มต้น5.99 ล้านบาท*
โครงการ ไอดีโอ โมบิ รางน้ำ คอนโด High Rise 31 ชั้น 1 อาคาร จำนวน 366 ยูนิต ในซอยรางน้ำ บนทำเลศักยภาพ ใกล้รถไฟฟ้า BTS สถานีอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ ประมาณ 630 เมตร มูลค่าโครงการ 2,353 ล้านบาท ราคาเริ่มต้น 4.49ล้านบาท*
โครงการ ไอดีโอ โมบิ สุขุมวิท 40 คอนโด Low-Rise 8 ชั้น 2 อาคาร จำนวน 272 ยูนิต บนทำเลศักยภาพโซนสุขุมวิท ใกล้รถไฟฟ้า BTS สถานีทองหล่อเพียง 660 ม. และ 1.2 กม. จากทางด่วนเฉลิมมหานคร มูลค่าโครงการ 1,886 ล้านบาท ราคาเริ่มต้น 4.49 ล้านบาท*
“การทำธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ในวันนี้ นอกจากเรื่องของทำเลที่ตั้ งและราคาขายแล้ว อนันดาฯ ยังให้ความสำคัญเกี่ยวกับการพั ฒนาสินค้าโดยการมองหานวั ตกรรมใหม่ ๆ เพื่อสร้างความแตกต่างให้กับลู กค้า ซึ่งการเปิดตัวโครงการใหม่ครั้ งนี้ ถือเป็นครั้ งแรกของโครงการคอนโดมิเนียมที่ นำนวัตกรรม Solar Fresh air system มาใช้ในทุกยูนิต เพื่อตอบโจทย์กลุ่มลูกค้าที่ ใส่ใจในเรื่อง Health care ซึ่งเป็นความตั้งใจของอนันดาฯ ในการตอบโจทย์ Urban Living Solutions แก่คนเมืองอย่างแท้จริง” นายชานนท์กล่าว
ORI” ผุดแบรนด์ “คราวน์ เรสซิเดนซ์”
พีระพงศ์ จรูญเอก ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) หรือ ORI เผยว่า ได้จัดตั้งแบรนด์คราวน์ เรสซิเดนซ์ (Crown Residences) ภายใต้บริษัทย่อย บริษัท พรีโม แมเนจเม้นท์ จำกัด เพื่อดำเนินธุรกิจจัดหาและคัดเลือกผู้พักอาศัยให้แก่ผู้ที่ต้องการปล่อยเช่าคอนโดมิเนียม พร้อมทั้งมีบริการหลากหลายในระดับ “Residences Service” อำนวยความสะดวกให้แก่ผู้พักอาศัย

สำหรับบริการที่อำนวยความสะดวกให้แก่ผู้พักอาศัย ได้แก่ บริการทำความสะอาดห้องพัก บริการเปลี่ยนและซักผ้าปูที่นอน บริการล้างจาน รวมถึงยังช่วยดูแลอินเทอร์เน็ต เครื่องครัว เครื่องใช้ไฟฟ้า และอุปกรณ์ในห้องน้ำด้วย เริ่มต้นจากการให้บริการในคอนโดมิเนียมภายใต้แบรนด์นอตติ้ง ฮิลล์ และไนท์บริดจ์ ซึ่งเป็นแบรนด์ระดับกลางและระดับพรีเมียมของออริจิ้นก่อน
นายพีระพงศ์ กล่าวอีกว่า เพื่อให้การดำเนินธุรกิจของคราวน์ เรสซิเดนซ์ เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด มีบริการและมาตรฐานที่ตอบโจทย์ผู้บริโภคได้อย่างครบถ้วน จึงได้แต่งตั้งให้นางจตุพร ผิวขาว ซึ่งเป็นผู้มีประสบการณ์คร่ำหวอดในธุรกิจโรงแรมมานานกว่า 16 ปี รวมถึงเคยบริหารเชนโรงแรมจากต่างประเทศ ขึ้นดำรงตำแหน่ง กรรมการบริหาร บริษัท พรีโม แมเนจเม้นท์ จำกัด ดูแลทิศทางของแบรนด์คราวน์ เรสซิเดนซ์
ปัจจุบัน บริษัท ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) มีโครงสร้างธุรกิจหลากหลาย โดยมีบริษัทย่อยดูแลธุรกิจบริการที่เกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์ ภายใต้ชื่อ บริษัท พรีโม พร็อพเพอร์ตี้ โซลูชั่น จำกัด ดูแลครอบคลุมทั้งธุรกิจการจัดการอสังหาริมทรัพย์ ธุรกิจตัวแทนซื้อ ขาย เช่า อสังหาริมทรัพย์ ธุรกิจที่ปรึกษาด้านอสังหาริมทรัพย์ โดยบริษัท พรีโม แมเนจเม้นท์ จำกัด เป็นบริษัทย่อยที่ดูแลการจัดการอสังหาริมทรัพย์
“ศุภาลัย” ขยายทำเลใหม่ๆ
ไตรเตชะ ตั้งมติธรรม กรรมการผู้จัดการ บริษัท ศุภาลัย จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ในช่วง 4 เดือนที่เหลือของปีนี้ (ก.ย.-ธ.ค.) เชื่อมั่นว่าจะสามารถทำยอดขายได้ตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ 27,000 ล้านบาท โดยมีแผนเปิดตัวโครงการใหม่อีก 17 โครงการ มูลค่า 15,530 ล้านบาท ด้วยกลยุทธ์การดำเนินธุรกิจให้ครอบคลุมทั่วประเทศในทุกทำเลศักยภาพ มุ่งขยายตลาดในพื้นที่ใหม่ๆ ทั้งในกรุงเทพฯ-ปริมณฑล และต่างจังหวัด ควบคู่ไปกับการพัฒนาสินค้าให้มีความหลากหลายครบทุกความต้องการของลูกค้า ไม่ว่าจะเป็นสินค้าบ้านเดี่ยว ทาวน์โฮม และคอนโดมิเนียม
ล่าสุดเตรียมเปิดโครงการใหม่ประเภทคอนโดมิเนียมไปสู่ทำเลใหม่ ใจกลางกรุงฝั่งธนบุรี จำนวน 3 โครงการ 3 แบรนด์ 3 สไตล์ 3 ทำเลที่โดนใจลูกค้าอย่างแน่นอน อีกทั้งขยายโครงการสู่ตลาดต่างจังหวัดมากขึ้น เน้นในจังหวัดสำคัญทุกภาค โดยปัจจุบันได้เข้าไปพัฒนาโครงการในจังหวัดเชียงใหม่ สุราษฎร์ธานี สงขลา ภูเก็ต นครศรีธรรมราช อุดรธานี ขอนแก่น ชลบุรี ระยอง อุบลราชธานี และนครราชสีมา ขณะเดียวกันยังคงมุ่งเน้นขยายตลาดต่างประเทศ เช่นการร่วมลงทุนกับบริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ของประเทศออสเตรเลีย จำนวน 6 โครงการ มีทั้งโครงการบ้านพักริมทะเล และโครงการจัดสรรที่ดิน ซึ่งทุกโครงการหลังจากเปิดขายได้รับการตอบรับจากลูกค้าอย่างดี
“แมกโนเลีย” ยึดหัวหาด MRT
บบริษัท แมกโนเลีย ควอลิตี้ ดีเวล็อปเม้นต์ คอร์ปอเรชั่น จำกัดหรือ MQDC หนึ่งในผู้นำธุรกิจพัฒนา ลงทุน และจัดการอสังหาริมทรัพย์เพื่ออยู่อาศัยทั้งแบบบ้านเดี่ยวและคอนโดมิเนียม และโครงการมิกซ์ยูส ภายใต้แบรนด์ แมกโนเลียส์ และ วิสซ์ดอม ปักธงผู้นำคอนโดมิเนียมระดับคุณภาพ โดยเปิดตัว “วิสซ์ดอม อเวนิว รัชดา-ลาดพร้าว”ด้วยทำเลที่ติดกับรถไฟฟ้าใต้ดิน MRT สถานีลาดพร้าว
อัษฎา แก้วเขียว ประธานผู้อำนวยการ-วิสซ์ดอม บริษัท แมกโนเลีย ควอลิตี้ ดีเวล็อปเม้นต์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (MQDC) กล่าวถึง “โครงการ วิสซ์ดอม อเวนิว รัชดา-ลาดพร้าว” ว่า เจาะกลุ่มเป้าหมายคนเมืองและคนรุ่นใหม่ที่ประสบความสำเร็จในชีวิต มีไลฟ์สไตล์ทันสมัย และพิถีพิถันในการเลือกสิ่งที่ดีที่สุดให้กับตัวเอง โดยปัจจัยหลักที่ตอบโจทย์ ได้แก่ทำเลของโครงการถือว่าอยู่ใน The best location ด้วยที่ตั้งของโครงการติดกับสถานี MRT ลาดพร้าว การรับประกันนานถึง 30 ปี (ซึ่งถือเป็นผู้นำธุรกิจอสังหาฯ รายแรกที่กล้าให้การประกันคุณภาพยาวนานที่สุด)customer activities / services กิจกรรมที่ตอบสนองคนรุ่นใหม่ (New Generation) เป็นต้น
ด้านภาพรวมของธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ และภาพรวมธุรกิจในครึ่งปีแรกที่ผ่านมา มองว่า มีการขยายตัวต่อเนื่องจากช่วงที่ผ่านมาจากหลายปัจจัย อาทิเช่น การลงทุนโครงการรถไฟฟ้าหลายสายของภาครัฐ การเร่งเปิดตัวของผู้ประกอบการหลายราย โดยที่ตลาดคอนโดมิเนียมเป็นตลาดหลักที่ใหญ่ที่สุดประมาณ 60% ของตลาดรวม ในอีกด้านหนึ่งคือการขยายตัวของภาคอสังหาฯ ก็คือ ราคาที่ดินที่ปรับตัวสูงขึ้นอย่างมาก ส่งผลโดยตรงต่อราคาที่อยู่อาศัย จากสภาวะปัจจุบันโอกาสในการเกิดโครงการในเมืองลดลงแต่การเปิดโครงการมากขึ้นในบริเวณส่วนต่อขยายของรถไฟฟ้าต่างๆ ทิศทางการพัฒนาที่เกิดขึ้นในกรุงเทพและปริมณฑลได้เริ่มปรับเปลี่ยนพฤติกรรมและรูปแบบการอยู่อาศัยของผู้บริโภคอย่างต่อเนื่อง
SENA เปิด 3 โครงการรวด
ผศ.ดร.เกษรา ธัญลักษณ์ภาคย์ รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เสนา ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) (SENA) บอกว่าพร้อมผลักดันและสร้างการเติบโตในธุรกิจอย่างแข็งแกร่งและต่อเนื่องทุกรูปแบบทั้งการพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์,ธุรกิจโซลาร์และการร่วมมือกับพันธมิตรในการลงทุนในโครงการอสังหาริมทรัพย์ โดยล่าสุด คณะกรรมการมีมติอนุมัติการจ่ายเงินปันผลระหว่างกาล สำหรับผลดำเนินงานตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2560 ถึงวันที่ 30 มิถุนายน 2560 ให้แก่ผู้ถือหุ้นในบริษัทฯ ในอัตราหุ้นละ 0.05455 บาท สำหรับหุ้นสามัญของบริษัทจำนวน 1,214,442,959 หุ้น รวมเป็นเงินทั้งสิ้นประมาณ 66,247,863 บาท ทั้งนี้ เงินปันผลดังกล่าวจะจ่ายจากกำไรสุทธิส่วนที่บริษัทเสียภาษีเงินได้นิติบุคคลในอัตราร้อยละ 20 ซึ่งผู้รับเงินปันผลเป็นบุคคลธรรมดาจะได้รับเครดิตภาษีตามมาตรา 47 ทวิ แห่งประมวลรัษฎากร โดยกำหนดวันกำหนดรายชื่อผู้ถือหุ้นที่มีสิทธิรับเงินปันผล (Record Date) ในวันที่ 25 สิงหาคม 2560 และให้รวบรวมรายชื่อผู้ถือหุ้นตามมาตรา 225 ของพระราชบัญญัติหลักทรัพย์ โดยวิธีปิดสมุดทะเบียนพักการโอนหุ้นในวันที่ 28 สิงหาคม 2560 และกำหนดจ่ายเงินปันผลระหว่างกาล ในวันที่ 8 กันยายน 2560
ด้านผลประกอบการในช่วงไตรมาส 2/2560 ทั้งรายได้และกำไรลดลง เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ซึ่งมียอดโอนจากโครงการ นิช โมโน รัชวิภา ในช่วงครึ่งปีแรก รวมถึงในช่วงเวลาดังกล่าวยังมีมาตรการกระตุ้นอสังหาริมทรัพย์ของภาครัฐด้วยการปรับลดค่าธรรมเนียมการโอนกรรมสิทธิ์จาก 2% เหลือ 0.01% และค่าธรรมเนียมการจดจำนองจาก 1% เหลือ 0.01% อีกด้วย แต่อย่างไรก็ตาม อัตราส่วนหนี้สินต่อส่วนของผู้ถือหุ้น (Debt to Equity ratio : D/E) เท่ากับ 1.33 ซึ่งบริษัทยังคงสามารถดำรงอัตราส่วนหนี้สินต่อส่วนของผู้ถือหุ้นไว้ได้ตามที่กำหนด ทั้งนี้ ในไตรมาส 2 / 2560 จะมีรายได้จากค่าเช่าและบริการจากการรับจ้างบริหารโครงการในนาม บริษัท เสนา แมเนจเม้นท์ จำกัดด้วย

สำหรับปีนี้ ตั้งเป้ารายได้เติบโต 20% โดยตั้งเป้ารายได้รวม 4,500 ล้านบาท และยอดขายอยู่ที่ 4,600 ล้านบาท ซึ่งในช่วงครึ่งปีแรก มียอดโอนเข้ามาแล้วกว่า 2,000 ล้านบาท และยังมียอดขายรอรับรู้รายได้ (Backlog) อีกกว่า 3,600 ล้านบาท ซึ่งจะเป็นยอดที่รอรับรู้รายได้ปีนี้ประมาณ 3,000 ล้านบาท จากการโอนโครงการ นิช ไพรด์ ทองหล่อ – เพชรบุรี โครงการ คิทท์ พลัส สุขุมวิท 113 โครงการ นิช โมโน บางนา เฟส 3 อีกทั้งบริษัทฯมีแผนเปิดโครงการใหม่อย่างต่อเนื่องในครึ่งปีหลังเพื่อสะสมยอดขายรอโอนสำหรับปี 2561
ทั้งนี้ ตามแผนดำเนินงานทั้งปี จะเปิดโครงการทั้งสิ้น 10 โครงการ มูลค่ารวม 12,000 ล้านบาท แต่เนื่องจากช่วงไตรมาส 4/2560 จะมีการประกอบพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพฯรัชกาลที่ 9 จึงเลื่อนเปิดโครงการ 1 โครงการออกไปในช่วงปี 2561 แทน ซึ่งทำให้ทั้งปีนี้ เปิดโครงใหม่รวมทั้งสิ้น 9 โครงการ รวมมูลค่า 9,031 ล้านบาท โดยในช่วงครึ่งปีแรก เปิดโครงการไปแล้ว 3 โครงการ รวมมูลค่าโครงการทั้งสิ้น 2,113 ล้านบาท ประกอบด้วย 1.โครงการ เดอะ คิทท์ ไลท์ บางกระดี ติวานนท์ เฟส 2 มูลค่าโครงการ 367 ล้านบาท 2.โครงการ นิช โมโน สุขุมวิท 50 มูลค่าโครงการ 1,154 ล้านบาท และ 3.โครงการ นิช ไอดี สุขุมวิท 113 มูลค่าโครงการ 592 ล้านบาท
ขณะที่แผนในครึ่งปีหลัง เปิดตัวโครงการใหม่ทั้งหมด 6 โครงการ รวมมูลค่าโครงการ 6,918 ล้านบาท โดยในไตรมาส 3 เตรียมเปิดตัวโครงการใหม่พร้อมกัน 3 โครงการรวด รวมมูลค่าทั้งสิ้น 4,868 ล้านบาท ประกอบด้วย 1. โครงการ เดอะ คิทท์ พลัส พหลโยธิน –คูคต เป็นคอนโดมิเนียมสูง 8 ชั้น 2 อาคาร ทั้งหมด 728 ยูนิต (เฟสละ 364 ยูนิต) ราคาเริ่มต้น 1.1 ล้านบาท มูลค่าโครงการ 483 ล้านบาท 2.โครงการ เสนา อีโคทาวน์ – รามอินทรา– วงแหวน คอนโดมิเนียมโลว์ไรซ์ สูง 5 ชั้น จำนวน 20 อาคาร ทั้งหมด 480 ยูนิต ราคาเริ่ม 1.59 ล้านบาท รวมมูลค่าโครงการกว่า 985 ล้านบาท และ 3.โครงการ นิช โมโน สุขุมวิท – แบริ่ง คอนโดมิเนียมไฮไลท์ สูง 33 ชั้น ทั้งหมด 1,467 ยูนิต ราคาเริ่ม 2.3 ล้านบาท มูลค่าโครงการ 3,400 ล้านบาท