Biznews

ขาช้อปแบรนด์เนมฟินต่อ “สยามพิวรรธน์” เตรียมผุดลักชัวรี่พรีเมี่ยมเอาท์เล็ตทั่วไทย

จากคุณภาพชั้นเยี่ยมตั้งแต่ขั้นตอนการผลิต การดูแลเอาใจใส่และบริการหลังการขายที่เข้าใจผู้บริโภคทำให้สินค้าแบรนด์เนม โดยเฉพาะลักชูรี่แบรนด์เนมได้รับความนิยมจากกลุ่มผู้บริโภคเพิ่มมากขึ้น ทำให้ผู้ประกอบการรายใหญ่หันมาโฟกัสหนักมากในช่วงนี้ ซึ่งก่อนหน้านี้ค่ายใหญ่อย่างเซ็นทรัลพัฒนา หรือซีพีเอ็น มีกำหนดเปิดตัว ‘เซ็นทรัล วิลเลจ’ (Central Village) แบรนด์ลักชูรี่เอาท์เล็ต ซึ่งเป็นแพลตฟอร์ม และแบรนด์ใหม่ในเครือ เอาใจบรรดานักช้อป ให้ได้เลือกซื้อสินค้าลักชูรี่แบรนด์ในราคาเอาท์เล็ต ภายใต้เงินลงทุนกว่า 5 ล้านบาท โดยมีพื้นที่โครงการกว่า 40,000 ตารางเมตร บนที่ดิน 100 ไร่ ใกล้สนามบินสุวรรณภูมิ เพื่อสร้างจุดเด่นที่แตกต่างจากช้อปปิ้งมอลล์ และเอาท์เล็ตทั่วไป

ทั้งนี้ CPN ตั้งเป้าว่าแบรนด์เอาท์เล็ตสุดพรีเมียมนี้ จะดึงดูดนักช้อปทั้งชาวไทยที่มีสัดส่วนอยู่ที่ 65% และกลุ่มนักท่องเที่ยวจากทั่วโลกที่มีสัดส่วน 35% ให้มาใช้บริการได้มากกว่า 6 ล้านคนต่อปี เปิดให้บริการได้ในช่วงไตรมาสที่ 3 ของปี 2562

ล่าสุด ค่าย ‘สยามพิวรรธน์’ เจ้าของศูนย์การค้าหรูอย่างสยามดิสคัฟเวอรี่ สยามเซ็นเตอร์ และสยามพารากอน ประกาศความร่วมมือครั้งใหญ่พลิกโฉมวงการรีเทลเใทองไทยด้วยความร่วมมือกับ “ไซม่อน” เซ็นสัญญาร่วมทุน สร้างลักชัวรี่พรีเมี่ยมเอาท์เล็ตในประเทศไทย ภายใต้บริษัท สยามพิวรรธน์ ไซม่อน จำกัด ทุนจจดทะเบียนเริ่มต้น 130 ล้านบาท

ไซม่อน หนึ่งในบริษัทผู้นำของโลกในการสร้างโครงการที่เป็นจุดหมายปลายทางด้านช้อปปิ้ง กินดื่ม บันเทิง และมิกซ์ยูส เซ็นสัญญาร่วมทุนกับ กลุ่มบริษัท สยามพิวรรธน์ เจ้าของและผู้บริหารโครงการค้าปลีกที่มีชื่อเสียงระดับโลก อาทิ สยามพารากอน สยามเซ็นเตอร์ สยามดิสคัฟเวอรี่ และเป็นหนึ่งในพันธมิตรเจ้าของโครงการไอคอนสยาม เพื่อสร้างลักชัวรี่พรีเมี่ยมเอาท์เล็ตในประเทศไทย และเพิ่มความหลากหลายของจุดหมายปลายทางด้านการค้าปลีกและไลฟ์สไตล์ในประเทศไทย

ไซม่อน คือ อสังหาริมทรัพย์เพื่อการค้าปลีกอันดับหนึ่งของโลก ที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ รายใหญ่ที่สุดของโลก ซึ่งมีมากกว่า 230 โครงการในพอร์ตโฟลิโอ โดยสัญญาร่วมทุนกับสยามพิวรรธน์ในครั้งนี้ เป็นครั้งแรกของไซม่อนที่เข้าสู่ประเทศไทย และเป็นประเทศที่ 4 ในเอเชีย โดยวางแผนที่จะสร้างลักชัวรี่พรีเมี่ยมเอาท์เล็ต 3 แห่งในประเทศไทย

พรีเมี่ยมเอาท์เล็ตมีความเหมาะสมอย่างมากสำหรับประเทศไทย ซึ่งเป็นประเทศที่มีอัตราการเติบโตของประชากร และมีนักท่องเที่ยวจำนวนมากกว่า 35 ล้านคนเดินทางมาท่องเที่ยวและมองหาสินค้าคุณภาพสูงในราคาที่เหมาะสมคุ้มค่า

โครงการแรกของการร่วมทุนระหว่างไซม่อนกับกลุ่มบริษัท สยามพิวรรธน์ จะเป็นลักชัวรี่พรีเมี่ยมเอาท์เล็ต พื้นที่เช่าประมาณ 50,000 ตารางเมตร บนที่ดิน 150 ไร่ ซึ่งตั้งอยู่ในกรุงเทพมหานคร จังหวัดที่มีประชากรมากกว่า 14 ล้านคนใช้ชีวิตอยู่ในพื้นที่เขตเมือง และถือเป็นจังหวัดที่เป็นประตูสู่การท่องเที่ยวของประเทศไทยที่เติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยมีกำหนดเปิดให้บริการในเดือนตุลาคม พ.ศ. 2562

ไซม่อนพรีเมี่ยมเอาท์เล็ตแห่งแรกนี้จะประกอบไปด้วย ร้านค้ามากกว่า 200 ร้าน ทั้งร้านค้าลักชัวรี่แบรนด์และแบรนด์ของดีไซเนอร์ที่เป็นที่ชื่นชอบและได้รับความนิยมมากที่สุด รวมถึงแบรนด์ระดับอินเตอร์เนชั่นแนลและแบรนด์ไทยต่างๆ โดยในโครงการจะเป็นพื้นที่ที่เรียกได้ว่าเป็นโอเอซิสที่อุดมสมบูรณ์ ผสมผสานพื้นที่พักผ่อนหย่อนใจ การนัดสังสรรค์และกินดื่ม รวมทั้งกิจกรรมเพื่อสาระและความบันเทิงต่างๆ นำเสนอให้แก่ผู้คนในพื้นที่และนักท่องเที่ยวให้ได้เข้ามาใช้เวลาในสถานที่แห่งนี้ โดยผู้มาเยี่ยมเยือนโครงการจะได้เพลิดเพลินไปกับสินค้าที่หลากหลายที่มอบส่วนลด 25-70% ทุกวัน ทั้งเสื้อผ้าเครื่องแต่งกายจากดีไซเนอร์ต่างๆ รองเท้า แอคเซสเซอรี่แฟชั่น ผลิตภัณฑ์เครื่องหนัง แบรนด์พิเศษ ต่างๆ ที่ใกล้เคียงกับแบรนด์ที่พบได้ในพรีเมี่ยมเอาท์เล็ตปัจจุบันของไซม่อนในที่ต่างๆ ทั่วโลก

ขณะที่แผนการลงทุน 3-5 ปีข้างหน้าหลังเปิดให้บริการลักชัวรี่พรีเมี่ยมเอาท์เล็ต สาขาแรกในกรุงเทพฯ แล้วจะเปิดอีก 2 สาขาบนพื้นที่ภาคเหนือและภาคใต้ของไทย ถือเป็นการขยายสาขาไปต่างจังหวัดของสยามพิวรรธน์ตั้งแต่ดำเนินการมากว่า 20 ปี

นางชฎาทิพ จูตระกูล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มบริษัท สยามพิวรรธน์ กล่าวว่า “สยามพิวรรธน์ และไซม่อน มีวิสัยทัศน์เดียวกันที่ว่า วงการค้าปลีกในอนาคตจะให้ความสำคัญกับการนำเสนอประสบการณ์อันน่าตื่นเต้นเร้าใจที่มากไปกว่าการมาซื้อสินค้าเพียงอย่างเดียว พร้อมทั้งมอบโอกาสให้แก่ผู้ที่มาเยี่ยมเยือนจุดหมายปลายทางต่างๆ ของเรา ได้พบปะผู้คน เติมเต็มความสุขและความสนุกสนาน เรียนรู้สิ่งใหม่ๆ รวมทั้งค้นหาสิ่งที่สะท้อนความสนใจและไลฟ์สไตล์ของตนเอง”

อย่างไรก็ตาม การหันมาโฟกัสลักชัวรี่เอาท์เลตในครั้งนี้ ชฏาทิพย้ำว่าถือเป็นการสานฝันในวัยเด็กที่คุณพ่อซึ่งเป็นผู้ก่อตั้งสยามพิวรรธน์มีโอกาสได้พาเธอไปเยี่ยมชมลักชัวรี่พรีเมียมเอาท์เลตในต่างประเทศเมื่อ 20 กว่าปีก่อนและบอกกับเธอว่าสยามพิวรรธน์จะต้องมีเอาท์เลตแบบนี้เพื่อต่อยอดให้กับสยามพิวรรธน์ในการพัฒนาอสังหาและค้าปลีกแบบครบวงจร

ความฝันของเธอเริ่มเป็นร่างและจริงจังมากขึ้นเมื่อ 3 ปีก่อน เนื่องจากมองว่าประเทศไทยมีความพร้อมแล้ว ทั้งจำนวนประชากรและนักท่องเที่ยวเพิ่มทุกปีๆ ละ 25-30% ถือเป็นนิมิตรหมายที่ดี อีกทั้งประเทศเพื่อนบ้านได้มีลักชัวรี่พรีเมียมเอาท์เลตลักษณะนี้เกิดขึ้นมากมาย เธอจึงตัดสินใจบรรจุแผนไว้ใน 5 ปีนับจากนี้ต้องทำให้เกิดขึ้นภายในปี 2562

ชฏาทิพ บอกอีกว่า โครงการดังกล่าวเธอมีความมั่นใจว่าจะต้องประสบความสำเร็จเพราะสยามพิวรรธน์ไม่ได้ทำอะไรใหม่ๆ อยู่ตลอดเวลา ไม่ได้มีการเปิดสาขาใหม่ทุกๆ ปี แต่เมื่อตกลงเปิดแต่ละแห่งจะต้องมีความพิเศษและเป็นเวิล์ดคลาส อาทิ ดิ ไอคอนสยาม ที่กำลังจะเปิดปลายปีนี้ เป็นต้น

” เรากำลังสร้างเมืองๆ หนึ่ง โดยมีคีย์หลักคือ ลักชัวรี่พรีเมียมเอาท์เลตเป็นหนึ่งในแม็กเนตสำคัญ ๆ และกำลังเจรจาซื้อที่เพิ่มเติมเพื่อขยายไปยังการให้บริการในรูปแบบอื่นๆ เพราะเราไม่ใช่เพียงสถานที่ขายของ แต่เรานำเสนอประสบการณ์ที่แตกต่างจากที่อื่น เป็น Customer Engagement สำคัญที่สุดที่สยามพิวรรธน์ยึดถือเป็นกลยุทธ์ในการทำตลาดมาต้ังแต่ต้น ”

ไซม่อนเป็นเจ้าของพรีเมี่ยมเอาท์เล็ตจำนวน 96 แห่งทั่วโลก ในจำนวนนี้ 15 แห่งอยู่ในเอเชีย ซึ่งได้แก่ 9 แห่งในญี่ปุ่น 4 แห่งในเกาหลี และ 2 แห่งในมาเลเซีย ซึ่งในจำนวนทั้งหมดทั่วโลก มีพรีเมี่ยมเอาท์เล็ตระดับลักชัวรี่ที่ได้รับการยอมรับมากที่สุดในโลกด้วย อย่างเช่น WOODBURY COMMON PREMIUM OUTLETS (NEW YORK), DESERT HILLS PREMIUM OUTLETS (PALM SPRINGS), LAS VEGAS NORTH PREMIUM OUTLETS, YEOJU PREMIUM OUTLETS (SEOUL), GOTEMBA PREMIUM OUTLETS (TOKYO), AND JOHOR PREMIUM OUTLETS (MALAYSIA) โดยมีมูลค่าทรัพย์สินครวม 8 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐหรือประมาณ 2.5 ล้านล้านบาท

ถือเป็นการพลิกโฉมวงการค้าปลีกบ้านเราไปอีกขั้น สาวกแบรนด์เนมฟินต่อเนื่อง

Related Articles

Back to top button
X
%d bloggers like this: