Biznews

“กะทิ” แข่งกันมันในงาน THAIFEX 2018

เปิดงานอย่างเป็นทางการแล้ว สำหรับ มหกรรมอาหาร “THAIFEX – World of Food Asia 2018” หรือ ไทยเฟล็กซ์ – เวิล์ด ออฟ ฟู๊ด เอเชีย 2018 ที่อิมแพค เมืองทองธานี ที่มีการคาดกันว่าปีนี้เงินสะพัดกว่า 11,500 ล้านบาท

การจัดงานครั้งนี้ ถือเป็นครั้งที่ใหญ่ที่สุด มีผู้ร่วมจัดงานเพิ่มขึ้น 17% เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว รวมกว่า 2,537 ราย จาก 41 ประเทศทั่วโลก ปีนี้ตั้งเป้าต้องการให้อาหารไทยขยายตลาดไปสู่เวทีโลกมากขึ้น ภายใต้แนวคิดเปิดมุมมองใหม่ “Thailand Creative Food” แสดงศักยภาพประเทศไทยในฐานะครัวสร้างสรรค์ของโลก ตามนโยบายเศรษฐกิจสร้างสรรค์ของรัฐบาล ภายในแบ่งการจัดแสดงออกเป็น 5 โซน ผู้ร่วมชมงานจะได้เพลิดเพลินกับอาหารนานาชาติมากกว่า 1,000 รายการ

ไฮไลท์สำคัญ ของงานในปีนี้จะเน้นการจัดแสดงนวัตกรรมสร้างสรรค์สินค้าอาหาร ซึ่งจัดแสดงเป็นนิทรรศการพิเศษ “Creative Food Pavilion” โดยภายในแบ่งการจัดแสดงออกเป็น 5 โซน ได้แก่ 1. โซน “Alternative Sources” 2. โซน “The Natural Wonders” 3. โซน “Thai Wisdom” 4. โซน “The Exotic Experience” และ 5. Creative Food

อีกหนึ่งไฮไลท์ของการจัดงานในปีนี้จากการเดินสำรวจ แอดมินพบว่า ธุรกิจมะพร้าวที่แปรรูปมาเป็นกะทิ น้ำมะพร้าวคึกคักมีหลายแบรนด์ตบเท้าเข้าร่วมกันอย่างคึกคักเนื่องจากธุกิจมะพร้าวส่วนใหญ่เกือบ 100% ส่งออกไปยังตลาดต่างประเทศที่สำคัญอย่างสหรัฐอเมริกา ยุโรปซึ่งเป็นตลาดใหญ่เป็นหลัก

สิ่งที่เราได้เห็นจากการจัดงานครั้งนี้ของธุรกิจมะพร้าวคือนวัตกรรมใหม่ๆ นอกเหนือจากผลิตภัณฑ์หลักอย่างกะทิ ทั้งน้ำมะพร้าวในรูปแบบใหม่ บรรจุภัณฑ์ แพกเก็จจิ้งที่โดดเด่นทันสมัยสอดรับกับพฤติกรรมของผู้บริโภคยุคใหม่ และหันมาโฟกัสตลาดในประเทศกันมากขึ้น ซึ่งไม่เพียงแต่ผู้ประกอบการในตลาดมะพร้าวเท่านั้นยังมีผู้ประกอบการจากตลาดอื่นเข้ามาร่วมแจมด้วย เช่น กลุ่มโคคา-โคลาเปิดตัวน้ำมะพร้าวพร้อมดื่มแบรนด์ ซิโค่ ทำตลาดในเมืองไทย หลังจากประสบความสำเร็จมาแล้วในเมืองนอก เนื่องจากเชื่อว่าตลาดในไทยยังโตได้อีกมาก

ไทยแทนฟู้ดส์ เปิดตัวกะทิขวดเรียลไทย

บริษัท ไทยแทน ฟู้ดส์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด ร่วมกับ บริษัท ไทยอกริ ฟู้ดส์ จำกัด (มหาชน) สองบริษัทยักษ์ใหญ่ผู้ผลิต-จัดจำหน่าย และส่งออกผลิตภัณฑ์ภายใต้แบรนด์ เรียลไทย(Real Thai) เปิดตัว“กะทิขวดเรียลไทย” ที่แรกของโลก!ก่อนส่งออกความอร่อยไปกว่า 70 ประเทศทั่วโลก

วรนันท์ ทวีแสงพานิชย์ กรรมการบริหาร บริษัท ไทยแทน ฟู้ดส์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด บอกว่า เรียลไทย เป็นแบรนด์ไทยที่ได้รับการยอมรั บจากต่างชาติเป็นอย่างมาก มีวางจำหน่ายอยู่ภายในห้างสรรพสินค้าชั้นนำกว่า 70 ประเทศอาทิ จีน เกาหลี ญี่ปุ่น เยอรมัน เป็นต้น โดยได้ทำการส่งออกสินค้าไทยมากกว่า 1,000 รายการ ภายใต้ 8 กลุ่มผลิตภัณฑ์ ประกอบด้วย กะทิกระป๋อง ซอสปรุงรส พริกแกง เส้นก๋วยเตี๋ยว เครื่องแกงปรุงสำเร็จ อาหารสำเร็จรูปพร้อมทาน ผลไม้อบแห้ง และผลไม้กระป๋อง

ที่ผ่านมา กะทินับว่าเป็นสินค้าที่ได้รับความนิยมและสร้างยอดขายเป็นอย่างมาก โดยบริษัทฯ ก้าวขึ้นเป็นอันดับหนึ่งในตลาดส่งออกกะทิทั่วโลกพร้อมเล็งเห็นโอกาสทางธุรกิจในการพัฒนาสินค้าเพื่อตอบโจทย์ความต้องการและความสะดวกสบายของผู้บริโภคในทุกกลุ่มมากขึ้น โดยได้ร่วมมือกับ บริษัท ไทย อกริ ฟู้ดส์ จำกัด (มหาชน ) ให้เป็นตัวแทนผู้ผลิตและจัดจำหน่าย พร้อมทำการตลาด กะทิขวด เรียลไทย ในประเทศไทยแต่เพียงผู้เดียว พร้อมเปิดตัว กะทิขวด เรียลไทยให้คนไทยได้ใช้ก่อนใครเป็นที่แรกของโลก! ก่อนเตรียมเดินหน้าส่งออกกะทิแท้ 100% ของคนไทย สู่ครัวโลกทุกทวีปทั่วโลก ไม่ว่าจะเป็น ชื่อประเทศ จีน เกาหลี เยอรมัน เป็นต้น

ทั้งนี้ การทำตลาดในประเทศ ไทยอกริ ฟู้ดส์ ได้ทุ่มงบประมาณการผลิตโดยลงทุนไลน์ ผลิตใหม่มากกว่า 600 ล้านบาท ด้วยนวัตกรรมเทคโนโลยีการผลิตที่ทันสมัยที่สุดจากประเทศญี่ปุ่น เพื่อผลิตกะทิแท้100% ในขวด PET เปิดตัวที่แรกของโลกในงาน Thaifex World Food ASIA 2018 ตั้งเป้ายอดขายปีนี้เริ่มต้นจากประเทศไทยไว้ที่ 1,000 ล้านบาท

ในส่วนของแผนการตลาด ได้ทุ่มงบประมาณทางการตลาดแบบครบวงจรเพื่อให้ครอบคลุมและเข้าถึงไลฟ์สไตล์ของผู้บริโภคมากขึ้น พร้อมดึง โป๊ป ธนวรรธน์ และ เบลล่า ราณีเป็นแบรนด์แอมบาสเดอร์ ตอกย้ำภาพลักษณ์ความเป็นไทยของแบรนด์ หวังเจาะกลุ่มลูกค้าที่มีความหลากหลาย และขยายฐานลูกค้าให้ไปในวงกว้างมากขึ้น


“ชาวเกาะ” พร้อมลุยเทรนด์ใหม่ออกผลิตภัณฑ์จับกลุ่มไลฟ์สไตล์

บริษัท เทพผดุงพรมะพร้าว จำกัด หลังจากนำกะทิชาวเกาะผลักดันผลิตภัณฑ์แปรรูปจากมะพร้าวและกะทิไทยดังไกลทั่วโลกผ่านแบรนด์ “ชาวเกาะ” ยังจูงมือแบรนด์ในเครือ อย่าง “แม่พลอย” ผลิตภัณฑ์เครื่องปรุงอาหารไทยรสชาติต้นตำรับรุกตลาดโซนยุโรปมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการเจาะตลาดทั้งทางออฟไลน์และออนไลน์ การเดินหน้าบุกตลาดทั้งในและต่างประเทศ

อภิศักดิ์ เทพผดุงพร กรรมการผู้จัดการและผู้อำนวยการฝ่ายขายต่างประเทศ บอกว่า ในฐานะผู้ส่งออกกกะทิในตลาดโลก โฟกัสหลักยังคงเป็นสินค้ากลุ่มมะพร้าว ซึ่งอยู่ในตลาดมากว่า 42 ปี จึงต้องมีการปรับตัว ศึกษา และวิเคราะห์ตลาดอยู่ตลอดเวลา ทำให้งเห็นช่องทางในการหาไลน์ธุรกิจใหม่ๆ ที่สามารถเจาะกลุ่มลูกค้าได้มากยิ่งขึ้น

แผนการรุกตลาดเครื่องดื่มในรูปแบบกะทิพร้อมดื่มได้เปิดตลาดมาสักพักแล้ว มีการตอบรับดีมาก โดยเฉพาะในต่างประเทศลูกค้านิยมมาก ในปีนี้เราจึงคิดค้นรสชาติใหม่ๆ จำนวน 3 รสชาติ ได้แก่ รสงาดำ รสมันม่วง และรสเมล่อน เพื่อบุกตลาดและเพิ่มทางเลือกให้ผู้บริโภค ส่วนทางด้านขนมขบเคี้ยว ได้ทดลองวางจำหน่ายเมื่อปีก่อน คือ มะพร้าวอบกรอบ ตรา “ชาวเกาะ” 3 รสชาติ รสต้นตำรับ รสซาวครีม และรสเบค่อนชีส ซึ่งตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์คนรุ่นใหม่ได้เป็นอย่างดี และในปีนี้ได้เตรียมรสชาติใหม่ปล่อยสู่ตลาดกับ รสซอสศรีราชา

ส่วนการเติบโตและรายได้ในช่วงไตรมาสแรกนี้ ของแบรนด์ชาวเกาะ อยู่ที่ตลาดส่งออกเป็นหลัก ส่งสินค้าออกไปทำตลาดในต่างประเทศกว่า 45 ประเทศทั่วโลก คิดเป็นสัดส่วนการส่งออกอยู่ที่ 80% โดยใช้กลยุทธ์หลักเน้นในเรื่องของการผลิตสินค้าให้ตรงตามความต้องการของลูกค้า มีการเข้าไปศึกษาพฤติกรรมการบริโภคของลูกค้าในแต่ละประเทศด้วยตนเอง ส่วนตลาดในประเทศนั้นสัดส่วนอยู่ที่ 20% ซึ่งถือว่าใกล้เคียงกับปีที่ผ่านมา โดยกลุ่มเป้าหมายหลักยังคงเป็นกลุ่มแม่บ้าน อายุ 25-45 ปี

สำหรับแผนการเปิดตัวสินค้าใหม่ในปีนี้ ได้เตรียมเปิดตัวผลิตภัณฑ์หลายรายการ ในงาน THAIFEX – World of Food ASIA 2018 ชาวเกาะก็เตรียมเปิดตัว กะทิดื่ม 3 รสชาติ (งาดำ / มันม่วง / เมล่อน) ,สังขยาผงกึ่งสำเร็จรูป 2 รสชาติ (ใบเตย / และวนิลา),มะพร้าวอบกรอบ รสซอสศรีราชา ส่วนแบรนด์ “แม่พลอย” ตลาดเครื่องปรุงรสอาหารไทย เตรียมส่ง น้ำจิ้มไก่ เอาใจคนรักสุขภาพ ด้วยสูตรไม่มีน้ำตาล และน้ำพริกแกงสูตรมังสวิรัต เพื่อให้เข้ากับเทรนด์การดูแลสุขภาพในปัจจุบัน

โดยผลิตภัณฑ์ใหม่ที่ทำการเปิดตัวในครั้งนี้จะเน้นการส่งออกไปยังต่างประเทศเป็นหลัก ในขณะเดียวกันการทำการตลาดในประเทศยังคงดำเนินอย่างต่อเนื่อง ด้วยการโปรโมทตัวผลิตภัณฑ์กะทิถุงพาสเจอร์ไรส์ ตราชาวเกาะ ที่มีความสดใหม่เหมือนกะทิคั้นสด ออกมาให้เห็นมากขึ้น เพื่อเป็นทางเลือกสำหรับผู้บริโภคและเป็นการตอกย้ำการเป็นแบรนด์อันดับ 1 และผู้ผลิตกะทิสำเร็จรูปเป็นเจ้าแรกของประเทศไทย โดยมีเป้าหมายการปรับพฤติกรรมผู้บริโภคที่คุ้นชินกับการใช้กะทิคั้นสดเพียงอย่างเดียว ให้หันมาใช้กะทิสำเร็จรูปแบบต่างๆ เพิ่มมากขึ้น

สำหรับตลาดต่างประเทศ กลุ่มสินค้าขายดี 3 อันดับแรก คือ กะทิสำเร็จรูป น้ำมะพร้าวและน้ำจิ้มไก่ ซึ่งทั้ง 3 สินค้านี้ได้ขยายตลาดในกลุ่มประเทศต่างๆ มากขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยตลาดหลักอยู่ในอเมริกา ส่วนในโซนอื่นๆ เช่นยุโรป เอเชีย และโอเชียเนียยังมีแนวโน้มการเติบโตที่สูงขึ้นเรื่อยๆ เนื่องจากดีมานด์ของการบริโภคยังคงเพิ่มขึ้นทุกปี ซึ่งถ้ามองสัดส่วนของการส่งออกจะอยู่ที่อเมริกา-แคนาดา ประมาณ 55%,ในยุโรป 13%,โอเชียเนีย 16% (ออสเตรเลีย-นิวซีแลนด์-หมู่เกาะต่างๆ) ส่วนในเอเชียและที่อื่นๆ อีกประมาณ 15%

ส่วนทิศทางของการทำตลาดของแบรนด์ชาวเกาะ และ แม่พลอย ยังคงเน้น สัดส่วน Offline อยู่ที่ 70% และสัดส่วน Online อยู่ที่ 30% โดยได้เพิ่มการทำตลาดบน Online และใช้ social media ทั้งในประเทศและต่างประเทศมากยิ่งขึ้น ซึ่งในปีทีผ่านมาได้ใช้สื่อออนไลน์ในการโปรโมทกิจกรรมทางการตลาด รวมไปถึงเปิดช่องทางการขายบนออนไลน์ด้วย เนื่องจากต้องการตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์คนรุ่นใหม่เพื่อให้ได้รับความสะดวกสบายและรวดเร็วในการเลือกซื้อสินค้า แต่ต้องยอมรับว่าปัจจุบันมีแบรนด์ใหม่ๆ เข้ามาแชร์ตลาดอย่างต่อเนื่องและมีการแข่งขันกันค่อนข้างสูง แต่จุดยืนของแบรนด์ชาวเกาะและแม่พลอย ที่ยังคงครองใจลูกค้า คือ การรักษาฐานลูกค้าด้วยการสร้างมิตรสัมพันธ์ทีดีอย่างต่อเนื่อง และสม่ำเสมอ มีการควบคุมคุณภาพการผลิตในทุกขั้นตอน มีการลงทุนกว่า 50 ล้านบาท เพื่อขยายกำลังการผลิตและปรับปรุงเครื่องจักร รวมไปถึงการขยายพื้นที่การจัดเก็บสินค้าใหม่ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการส่งออกและรองรับการขยายตัวของตลาดทั้งในและต่างประเทศอีกด้วย

และล่าสุดได้ย้ายออฟฟิศจากท่าเตียนซึ่งก่อตั้งมาตั้งแต่รุ่นบุกเบิกมากว่า 50 ปี มาปักหลักแถวปิ่นเกล้า ภายใต้เงินลงทุนกว่า 500 ล้านบาทเพื่อรองรับการเติบโตทั้งตลาดในและต่างประเทศต่อไป

โคโค่บุรี ขายแฟรนไชส์แก่ผู้สนใจ

บริษัท ไทยโคโคนัท จำกัด (มหาชน) ที่ก่อร่างสร้างตัวโดย “หญิงเก่ง” “ชัญญา ธนศักดิภัทร” ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ผู้ทำธุรกิจเครื่องดื่มมะพร้าว กะทิ หรือผลิตภัณฑ์อื่นที่ทำจากมะพร้าว ภายใต้แบรนด์ ไทยโคโค่ ซึ่งเน้นส่งออกถึง 95% ส่วนในประเทศทำตลาดน้ำมะพร้าว 100% ภายใต้แบรนด์ COCO BURI วางจำหน่ายในช่องทางโมเดิร์นเทรดซึี่งในเร็วๆ นี้จะมีการพิจารณาการทำตลาดในประเทสอย่างจริงจังอีกครั้งด้วยความเชื่อที่ว่าต้องการสรา้งแบรนด์ของตัวเองให้แข็งแกร่งก่อนออกไปตลาดต่างประเทศ เนื่องจากที่ผ่านมารับทำ OEM

เพื่อสร้างแบรนด์ COCOBURI ให้เป็นที่รู้จักในตลาดในประเทศ นอกจากเน้นการเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ แล้วขั้นตอนสำคัญในการสปริงบอร์ดคือ การขายแฟรนไชส์ให้แก่ผู้สนใจ โดยมี 5 ขั้นตอนในการเป็นเจ้าของร้านดังนี้ 1.เลือกรูปแบบแฟรนไชส์ 2.แจ้งเจ้าหน้าที่ตรวจสอบทำเล 3. ทำสัญญา 4. อบรมกับบริษัทอย่างน้อย 1-2 วัน 5.มีร้านเป็นของตัวเอง

นับเป็นการหวนกลับมาให้ความสำคัญของการทำตลาดในประเทศอีกครั้ง ท่ามกลางการแข่งขันอย่างรุนแรงของผู้ประกอบการด้วยกันเองและผู้ประกอบการข้ามสายพันธุ์ แถมราคามะพร้าวยังคงผันผวนไม่หยุดในเวลานี้ …..

Related Articles

Back to top button
X
%d bloggers like this: