3 ไตรมาสแรกเหล่าบิีกเนมกำไรท็อปฟอร์ม
ผ่าน 3 ไตรมาสแรกไปเรียบร้อย ทุกธุรกิจที่จดทะเบียนใสนตลาดหลักทรัพย์ ต่างดาหน้าประกาศผลประกอบการกันอย่างครึกครื้น โดยเฉพาะในธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ต่างรับทรัพย์เป็นกอบเป็นกำ
9 เดือนแรก”พฤกษา”กำไรพุ่ง
ค่ายพฤกษา เรียลเอสเตท ในฐานะผู้นำอันดับหนึ่งในวงการอสังหาริมทรัพย์ โชว์ผลงาน 9 เดือนกำไรพุ่ง 4,017 ล้านบาท เติบโตเพิ่มขึ้นจากปีก่อน 8.1% กวาดยอดขาย 39,196 ล้านบาท และรายได้ 30,480 ล้านบาท ตุนยอด Backlog ในมือรวม 35,749 ล้านบาท เพิ่มสูงขึ้นจากไตรมาสก่อน 11.3% ชูกลยุทธ์การตลาดรูปแบบใหม่ เน้นสื่อดิจิตอลเข้าตรงกลุ่มลูกค้าเป้าหมาย จัดหนัก เร่งอัดฉีดโค้งสุดท้าย ด้วยแคมเปญยิ่งใหญ่แห่งปี
“Pruksa 25th Year Big Sale Ever ลดใหญ่ แถมใหญ่ แจกใหญ่” มอบส่วนลด ของแถม และลุ้นรับรางวัลใหญ่ คอนโด สร้อยคอทองคำหนัก 5 บาท และ Samsung Galaxy Note 9 รวมมูลค่ากว่า 200 ล้านบาท
นางสุพัตรา เป้าเปี่ยมทรัพย์ รองประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่ม บริษัท พฤกษา โฮลดิ้ง จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ผลประกอบการ 9 เดือนแรกของพฤกษาออกมาเป็นที่น่าพอใจ โดยบริษัทฯ มีกำไรสุทธิอยู่ที่ 4,017 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 8.1% เมื่อเทียบกับปีก่อน มียอดขาย 39,196 ล้านบาท และมีรายได้อยู่ที่ 30,480 ล้านบาทซึ่งมาจากการดำเนินงานตามแผนกลยุทธ์ New Marketing Approach ซึ่งเป็นการทำการ
ตลาดรูปแบบใหม่ โดยเน้นการใช้สื่อดิจิตอลเพื่อเข้าตรงถึงกลุ่มลูกค้าที่มีศักยภาพได้อย่างรวดเร็ว โดยที่ผ่านมาถือว่าประสบความสำเร็จเป็นอย่างมาก เช่นครั้งแรกในการเปิดจอง Online ของพฤกษาในโครงการ “The Tree ดินแดง – ราชปรารภ” ที่ปิดการขายจาก Online Booking อย่างรวดเร็วภายใน 10 นาที ทำให้สามารถช่วยปิดการขายทั้งโครงการได้ และการเปิดตัวโครงการทาวน์เฮาส์ “พฤกษาวิลล์ มิสทีน ราม
คำแหง – วงแหวน” ทาวน์โฮมในทำเลที่ดีที่สุดบนถนนรามคำแหง เปิดขายเพียง 2 วันสามารถทำสถิติปิดการขายเฟสแรก สร้างยอดขายไปกว่า 650 ล้านบาท รวมไปถึงโครงการบ้านเดี่ยว “ภัสสร บางนา – วงแหวน” เปิดขาย 2 วัน สามารถกวาดยอดขายได้ตามเป้าที่ตั้งไว้ และยังมีโครงการอื่นๆ ที่เป็นไฮไลท์ของพฤกษาอีกจำนวนหลายโครงการ ส่งผลให้ ณ สิ้นไตรมาส 3 บริษัทฯ สามารถสร้างยอดรอรับรู้รายได้ (Backlog) รวม35,749 ล้านบาท เพิ่มสูงขึ้นจากไตรมาสก่อน 11.3% ซึ่งจะทยอยรับรู้รายได้ในปีนี้จำนวน 11,784 ล้านบาท และทำให้ ณ สิ้นไตรมาส 3 พฤกษายังครองส่วนแบ่งตลาดที่อยู่อาศัยในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑลสูงสุดเป็นอันดับหนึ่ง อยู่ที่ 10% จากมูลค่าตลาดรวมทั้งหมด และยังคงรักษาแชมป์เจ้าตลาดทาวน์เฮาส์ได้อย่างต่อเนื่อง โดยครองส่วนแบ่งตลาดสูงสุดอยู่ที่ 21%
สำหรับแผนการดำเนินงานเพื่อครองความเป็นเบอร์หนึ่งในตลาด ในช่วงไตรมาสสุดท้ายบริษัทฯ มีแผนเปิดโครงการใหม่อีก 15 โครงการ มูลค่า 11,400 ล้านบาท แบ่งเป็นโครงการแนวราบ 12 โครงการ และโครงการแนวสูง 3 โครงการ โดยช่วงต้นเดือนที่ผ่านมาได้เปิดตัวโครงการพรีเมียม “เดอะรีเซิร์ฟ 61 ไฮด์อะเวย์” ราคาเริ่มต้น 12 – 60ล้านบาท ซึ่งได้รับการตอบรับจากกลุ่มลูกค้าไฮเอนด์เป็นอย่างดี พร้อมจัดแคมเปญ
ใหญ่ เพื่อเฉลิมฉลองในโอกาสครบรอบ 25 ปีของบริษัทฯ และเพื่อเร่งยอดขายในช่วงโค้งสุดท้ายของปีนี้ ด้วยแคมเปญ “Pruksa 25th Year Big Sale Ever ลดใหญ่ แถมใหญ่ แจกใหญ่” ซึ่งเป็นโปรโมชั่นดีที่สุดในรอบ 25 ปีที่เคยมีมา โดยคัดเลือกโครงการพร้อมอยู่ทั้งทาวน์โฮม บ้านเดี่ยว และคอนโดมิเนียม 161 โครงการทั่วประเทศเข้าร่วมแคมเปญ เพียงทำสัญญาและโอนกรรมสิทธิ์ภายใน 28 ธันวาคม 2561
ลูกค้าจะได้รับส่วนลด ของแถม และสิทธิ์ลุ้นรับรางวัลใหญ่ พลัมคอนโด พหลโยธิน 89สร้อยคอทองคำหนัก 5 บาท และ Samsung Galaxy Note9 รวมมูลค่ากว่า 200 ล้านบาทซึ่งคาดว่าจากแผนการดำเนินงานที่บริษัทฯวางไว้ จะสามารถทำให้พฤกษาบรรลุเป้าหมายได้ตามที่ตั้งไว้
“แสนสิริ” โกยรายได้เพียบ
นายวันจักร์ บุรณศิริ ประธานผู้บริหารสายงานการเงินและสนับสนุนธุรกิจ บริษัท แสนสิริ จำกัด(มหาชน) (SIRI) เปิดเผยว่าปี 2561 นับเป็นปีที่ลูกค้าให้การตอบรับดีและเป็นปีที่บริษัทสามารถทำยอดขายได้สูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยล่าสุดสามารถสร้างยอดขายรวมทะลุไปถึง 43,600 ล้านบาท คิดเป็นเกือบ 90% จากเป้าหมายยอดขายใหม่ที่มีการปรับเป็น 50,000 ล้านบาท โดยประสบความสำเร็จจากการพัฒนาโครงการที่ตอบโจทย์ลูกค้าในทุกกลุ่มที่อยู่อาศัย ทั้งทาวน์เฮาส์ที่ตอกย้ำความสำเร็จในปีนี้จากการรุกแบรนด์ สิริ เพลส ทั้ง 7 ทำเลรอบกรุงเทพฯ
นอกจากนี้ที่อยู่อาศัยประเภทคอนโดมิเนียมก็ได้รับการตอบรับที่ดี ทั้งคอนโดมิเนียมแบรนด์ใหม่ล่าสุด XT คอนโดมิเนียมภายใต้แบรนด์เดอะ เบส และคอนโดมิเนียมแบรนด์ดีคอนโด ทั้งในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด อาทิ โครงการเดอะ เบส เซ็นทรัล – ภูเก็ต และดีคอนโด แคมปัส โดม-รังสิต ที่มีกระแสตอบรับที่ดีมากจนสามารถปิดการขายทันทีในวันแรกที่เปิดพรีเซล รวมถึงดีคอนโด หาดใหญ่ ที่มียอดขายแล้วกว่า 80% รวมถึงบริษัทยังประสบความสำเร็จจากการสร้างยอดขายในตลาดต่างชาติ ที่ทำได้ถึง 12,600 ล้านบาท คิดเป็น 97% จากเป้าหมายยอดขายตลาดต่างชาติที่ตั้งไว้ในปีนี้ 13,000 ล้านบาท ทั้งนี้ปัจจุบันแสนสิริยังนับเป็นบริษัทอสังหาริมทรัพย์ไทยที่ครองส่วนแบ่งการตลาดลูกค้าต่างชาติที่สูงที่สุด จากการเป็นบริษัทอสังหาริมทรัพย์ไทยบริษัทเดียวที่เปิดการขายโครงการในต่างประเทศพร้อมกัน (Global Launch) และจัดกิจกรรมหลังการขายกับลูกค้าต่างชาติอย่างต่อเนื่อง
ขณะที่ผลการดำเนินงานไตรมาส 3/2561 บริษัทมีรายได้รวม 6,882 ล้านบาท เติบโตขึ้น 23% จากไตรมาสก่อน โดยรายได้จากการขายเพิ่มขึ้นจากการโอนโครงการแนวราบและโครงการคอนโดมิเนียมในสัดส่วน 60 : 40 โดยเริ่มโอนโครงการ ดีคอนโด พิงค์ เชียงใหม่ ที่เริ่มรับรู้การโอนในไตรมาสนี้ นอกจากนี้บริษัทยังมีรายได้จากการบริหารโครงการภายใต้บริษัทร่วมทุนกับบีทีเอสอีก 1,120 ล้านบาท โดยมีกำไรสุทธิในช่วง 9 เดือนอยู่ที่ 1,000 ล้านบาท
ศุภาลัย ปลื้มยอดขายเติบโต 14%
นายไตรเตชะ ตั้งมติธรรม กรรมการผู้จัดการ บริษัท ศุภาลัย จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ภาพรวมผลการดำเนินงาน 9 เดือน ปี 2561 ถือว่าประสบความสำเร็จตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ โดยสามารถทำยอดขาย 28,668 ล้านบาท เติบโตขึ้น 14% จากช่วงเดียวกันของปี 2560 แบ่งเป็นสัดส่วนยอดขายในส่วนโครงการคอนโดมิเนียม 54% และโครงการแนวราบ 46% และคิดเป็น 86% จากเป้าหมายยอดขายที่ตั้งไว้ 33,000 ล้านบาท อีกทั้งสามารถทำรายได้รวม 17,143 ล้านบาท โดยรายได้หลักมาจากการทยอยส่งมอบคอนโดมิเนียมทั้งในกรุงเทพฯ ปริมณฑล และต่างจังหวัด ขณะที่รายได้จากอสังหาริมทรัพย์สามารถแบ่งเป็นรายได้จากโครงการแนวราบ 58% และจากโครงการคอนโดมิเนียม 42%บริษัทสามารถทำผลงานด้านกำไรสุทธิ 3,332 ล้านบาท โดยมีอัตราหนี้สินที่มีภาระดอกเบี้ยต่อส่วนของผู้ถือหุ้นอยู่ที่ 51% ส่วนต้นทุนการเงินที่อัตราเฉลี่ย 2.45% ต่อปี ณ 30 ก.ย. 2561 และมียอดขายที่รอรับรู้รายได้ (Backlog) ประมาณ 44,040 ล้านบาท ณ 30 ก.ย. 2561 โดยคาดว่าจะสามารถทยอยโอนให้ลูกค้าและรับรู้เป็นรายได้ในปี 2561 จำนวน 8,137 ล้านบาท และส่วนที่เหลือ 35,903 ล้านบาทในอีก 4 ปีถัดไป เพื่อรองรับการเติบโตด้านรายได้ของบริษัทในอนาคต
ในช่วง 9 เดือนแรกบริษัทมีการเปิดตัวโครงการใหม่ในกรุงเทพฯ และภูมิภาค รวมทั้งสิ้น 18 โครงการ มูลค่ารวม 21,500 ล้านบาท แบ่งเป็นคอนโดมิเนียม 3 โครงการ และแนวราบ 15 โครงการ ซึ่งในช่วงไตรมาส 3 บริษัทได้เปิดตัวโครงการใหม่ 8 โครงการ มูลค่ารวม 13,900 ล้านบาท แบ่งเป็นแนวราบ 6 โครงการ และคอนโดมิเนียม 2 โครงการ ซึ่งได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี ทั้งจากลูกค้าเก่า และลูกค้าใหม่ ทำให้ตัวเลขยอดขายเป็นที่น่าพอใจอย่างมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งโครงการศุภาลัย เวอเรนด้า รามคำแหง หลังจากเปิด Pre-Sale โครงการ อย่างเป็นทางการ และยังมีลูกค้าสนใจซื้อห้องชุดอย่างต่อเนื่อง ทำให้ขณะนี้มียอดขายรวมมูลค่ากว่า 4,300 ล้านบาท อีกทั้งโครงการศุภาลัย ลอฟท์ ประชาธิปก – วงเวียนใหญ่ ได้รับการตอบรับที่ดีเกินคาดภายในวันเปิดจองอย่างเป็นทางการ มีลูกค้าลงทะเบียนสนใจห้องชุดมากกว่า 1,000 คน และสามารถสร้างยอดขายในระยะเวลาที่รวดเร็ว ทำให้ปัจจุบันสร้างยอดขายได้สูงถึง 97%
สำหรับแผนงานในช่วง 3 เดือนสุดท้าย บริษัทกำหนดเปิดตัวโครงการใหม่แนวบราบในกรุงเทพฯ ปริมณฑล และหัวเมืองภูมิภาค จำนวน 10 โครงการ ซึ่งในเดือนตุลาคมที่ผ่านมา เปิดตัวไปแล้ว 4 โครงการ มูลค่ารวม 2,300 ล้านบาท ได้แก่ ศุภาลัย ริเวอร์ วิลล์ ระยอง ศุภาลัย เอสเซ้นส์ สวนหลวง ศุภาลัย พรีโม่ กาญจนาภิเษก-ชัยพฤกษ์ และศุภาลัย วิลล์ ศรีราชา-สวนเสือ นอกจากนี้ในวันที่ 24-25 พฤศจิกายนนี้จะเปิดตัวโครงการใหม่พร้อมกัน 3 โครงการ มูลค่ารวม 2,900 ล้านบาท ได้แก่ ศุภาลัย เบลล่า ถลาง ภูเก็ต ศุภาลัย พรีโม่ พัทยา และศุภาลัย พาร์ควิลล์ แม่กรณ์-เชียงราย โดยคาดว่าจะได้รับความสนใจจากลูกค้าในหัวเมืองภูมิภาคทั้ง 3 จังหวัดดังกล่าวเป็นอย่างดี
เอสซีฯ เติบโตทุกด้าน
นายอรรถพล สฤษฎิพันธาวาทย์ ประธานเจ้าหน้าที่ด้านสนับสนุนองค์กร บริษัท เอสซี แอสเสท คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) กล่าวถึงความสำเร็จของผลประกอบการ 9 เดือนว่า “SC มีการเติบโตในทุกด้าน ทั้งยอดขาย รายได้รวม และกำไรสุทธิ เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2560 โดยบริษัทฯ มียอดขายรวมเท่ากับ 11,800 ล้านบาท เติบโต 8% มีรายได้รวมเท่ากับ 10,365 ล้านบาท เติบโต 32% และมีกำไรสุทธิ 1,096 ล้านบาท เติบโตขึ้น 56%”
โดยไตรมาส 3/2561 มียอดขาย 4,564 ล้านบาท เติบโต 28% มีรายได้รวมเท่ากับ 3,713 ล้านบาท โดยแบ่งเป็นรายได้จากการขาย 3,500 ล้านบาท และรายได้จากการเช่าและบริการ 208 ล้านบาท กำไรสุทธิ 392 ล้านบาท บริษัทและบริษัทย่อยมีสินทรัพย์รวมและหนี้สินรวม ณ วันที่ 30 กันยายน 22561 เท่ากับ 42,794 ล้านบาท และ 27,276 ล้านบาท ตามลำดับ
อนันดาฯ ยังโตแบบก้าวกระโดด
นายชานนท์ เรืองกฤตยา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท อนันดา ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า “ในไตรมาส 3 บริษัทฯสร้างผลกำไรสุทธิ 976 ล้านบาท เพิ่มขึ้นถึง 593% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน และ 67% จากไตรมาสก่อน โดยการเพิ่มขึ้นส่วนใหญ่มาจากบริษัทฯ ได้รับรู้ผลกำไรจากโครงการร่วมทุนสูงถึง 982 ล้านบาท จากที่มีผลขาดทุน 113 ล้านบาท ในช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน นอกจากนี้บริษัทฯ มีอัตรากำไรสุทธินิวไฮ สูงถึง 36% จาก 5% ในไตรมาสเดียวกันปีก่อน พร้อมมียอดโอนนิวไฮ 11,837 ล้านบาท ซึ่งรวมยอดโอนจากโครงการร่วมทุน เพิ่มขึ้น 267% จากไตรมาสเดียวกันของปีก่อน สูงกว่าเป้าที่วางไว้ 33%
ไตรมาส 3 ได้เปิดตัวโครงการใหม่มูลค่า 8,807 ล้านบาท ประกอบด้วยโครงการคอนโดมิเนียมใหม่ 2 โครงการ และโครงการแนวราบ 4 โครงการ ประกอบด้วยโครงการคอนโดมิเนียมไอดีโอ รัชดา-สุทธิสาร มูลค่าโครงการ 1,721 ล้านบาท ใกล้รถไฟฟ้าสถานี MRT สุทธิสาร โครงการคอนโดมิเนียมเอลลิโอ สาทร-วุฒากาศ มูลค่าโครงการ 3,403 ล้านบาท ใกล้รถไฟฟ้าสถานี BTS วุฒากาศ โครงการบ้านเดี่ยว แอริ พระราม 2 มูลค่าโครงการ 1,023 ล้านบาท โครงการบ้านเดี่ยว แอริ แจ้งวัฒนะ มูลค่าโครงการ 1,145 ล้านบาท โครงการทาวน์โฮม ยูนิโอ ทาวน์ สวนหลวง-พัฒนาการ มูลค่าโครงการ 628 ล้านบาท และโครงการทาวน์โฮม ยูนิโอ ทาวน์ ศรีนครินทร์-บางนา มูลค่าโครงการ 889 ล้านบาท
บริษัทฯ สามารถสร้างยอดขายจากโครงการใหม่ และโครงการที่เปิดตัวไปก่อนหน้า จำนวน 8,182 ล้านบาท สูงกว่าเป้าที่วางไว้ 5% ทั้งนี้บริษัทฯ ตั้งเป้ายอดขายทั้งปี 35,120 ล้านบาท มียอดขายรอรับรู้รายได้ (Backlog) ณ สิ้นไตรมาสที่สามปี 2561 สูงกว่า 49,400 ล้านบาท รองรับการโอนใน 3 ปีข้างหน้า