งานวิจัย COV-BOOST จากประเทศอังกฤษเผยประสิทธิ ภาพในการกระตุ้นภูมิคุ้มกัน ระหว่าง วัคซีนไฟเซอร์ กับ วัคซีนโมเดอร์น่าเข็มกระตุ้น ขนาด 50 ไมโครกรัม เมื่อใช้ฉีดเป็นวัคซีนเข็มที่ 4
ผลงานวิจัย COV-BOOST ฉบับล่าสุดจากประเทศอังกฤษ ซึ่งเป็นการศึกษาประสิทธิ ภาพในการกระตุ้นภูมิคุ้มกัน และปฏิกิริยาการตอบสนองต่อการฉี ดวัคซีนเข็มที่ 4 ระหว่าง วัคซีนไฟเซอร์ขนาด 30 ไมโครกรัม กับ วัคซีนโมเดอร์น่า ขนาด 50 ไมโครกรัม ในอาสาสมัครจำนวน 166 ราย ที่เคยได้รับวัคซีนไฟเซอร์เป็ นวัคซีนเข็มที่ 3 มาก่อนหน้านี้ แสดงให้เห็นว่า การได้รับวัคซีนไฟเซอร์ หรือวัคซีนโมเดอร์น่าเข็มกระตุ้ น เป็นวัคซีนเข็มที่ 4 สามารถเพิ่มระดับภูมิคุ้มกันให้ สูงขึ้นอย่างเห็นได้ชัด
โดยหากเทียบกับระดับแอนติบอดี้ ก่อนการได้รับวัคซีนเข็มที่ 4 พบว่า วัคซีนไฟเซอร์ขนาด 30 ไมโครกรัม สามารถเพิ่มระดับแอนติบอดี้ได้ 12.19 เท่า ส่วนวัคซีนโมเดอร์น่าเข็มกระตุ้ นขนาด 50 ไมโครกรัม เพิ่มระดับแอนติบอดี้ได้ 15.90 เท่า และหากทำการเปรียบเทียบกับระดั บแอนติบอดี้ที่ระดับสูงสุดที่ ตรวจวัดได้ภายหลังจากการฉีดวั คซีนเข็มที่ 3 พบว่า วัคซีนไฟเซอร์ขนาด 30 ไมโครกรัม มีการเพิ่มขึ้นของแอนติบอดี้ 1.59 เท่า ส่วนวัคซีนโมเดอร์น่าเข็มกระตุ้ นขนาด 50 ไมโครกรัม พบการเพิ่มสูงขึ้น 2.19 เท่า
สำหรับอาการข้างเคียงที่เกิดขึ้ นภายหลังการฉีดวัคซีนเข็มที่ 4 ในการศึกษาครั้งนี้พบว่า ส่วนใหญ่มีระดับน้อย-ปานกลาง โดยอาการเจ็บบริเวณที่ฉีดและอ่ อนเพลีย เป็นอาการไม่พึงประสงค์ที่พบบ่ อย โดยรวมแล้วอาสาสมัครมีการยอมรั บวัคซีนเข็มที่ 4 นี้ได้ดี
โดยก่อนหน้านี้ เมื่อวันที่ 18 กุมภาพันธ์ 2565 ที่ผ่านมา ได้มีการเปิดเผยข้อมู ลความปลอดภัยจากการใช้วัคซี นไฟเซอร์ หรือวัคซีนโมเดอร์น่าที่ขนาด 50 ไมโครกรัม เป็นวัคซีนเข็มกระตุ้นจากการเฝ้ าระวังและติดตามของศูนย์ควบคุ มและป้องกันโรคของสหรัฐอเมริกา จากรายงาน แสดงให้เห็นว่า อาการไม่พึงประสงค์ที่เกิดขึ้ นจากการได้รับวัคซีนเข็มกระตุ้ นนั้นพบน้อยกว่าเมื่อเทียบกั บภายหลังจากการฉีดวัคซีนชุดหลั กเข็มที่ 2 นอกจากนี้แล้ว ในส่วนของการเกิดกล้ามเนื้อหั วใจอักเสบซึ่งเป็นอาการไม่พึ งประสงค์ที่เกิดน้อย แต่มีความเกี่ยวข้องกับวัคซี นโควิด -19 ประเภท mRNA โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกลุ่ มประชากรเพศชายอายุระหว่าง 18-24 ปีนั้น พบว่าอัตราการเกิดกล้ามเนื้อหั วใจอักเสบภายหลังการฉีดวัคซี นเข็มที่ 3 นั้น พบการเกิดได้น้อยกว่ามาก โดยวัคซีนโมเดอร์น่าเข็มกระตุ้ นขนาด 50 ไมโครกรัมนั้น พบอัตราการเกิดกล้ามเนื้อหั วใจอักเสบเพียง 8.7 รายต่อ 1 ล้านโดส น้อยกว่าที่พบหลังการฉีดวัคซี นชุดหลักเข็มที่ 2 ซึ่งเป็นขนาด 100 ไมโครกรัม (56.3 รายต่อ 1 ล้านโดส ) จากการเก็บข้อมูลก่อนหน้านี้
แหล่งที่มาของข้อมูล
Munro, A. et al., Immunogenicity and Reactogenicity of BNT162b2 and mRNA1273 COVID-19 Vaccines Given as Fourth Dose Boosters in the COV-BOOST Randomised Trial Following Two Doses of ChAdOx1 nCov-19 or BNT162b2 and a Third Dose of BNT162b2. Preprint at SSRN: https://ssrn.com/abstract= 4076824
Hause, Anne M et al. “Safety Monitoring of COVID-19 Vaccine Booster Doses Among Adults – United States, September 22, 2021-February 6, 2022.” MMWR. Morbidity and mortality weekly report vol. 71,7 249-254. 18 Feb. 2022, doi:10.15585/mmwr.mm7107e1
Like this: Like Loading...
Related