แต่งตัวใหม่ “สัมมากร” ภารกิจครั้งสำคัญ “กิตติพล ปราโมช ณ อยุธยา”
จากโตโยต้า โคโรล่า สู่ เลกซัส ภารกิจปรับโฉมสัมมากร “กิตติพล ปราโมช ณ อยุธยา”
ในแวดวงอสังหาริมทรัพย์ เชื่อแน่ว่า “สัมมากร” น่าจะเคยผ่านหูผ่านตากันมาพอสมควร เนื่องจากบริษัทแห่งนี้ สัมมากร จำกัด (มหาชน) ก่อตั้งขึ้นในปี พ.ศ. 2513 ภายใต้สโลแกน “เราไม่เพียงสร้างบ้าน แต่เราสร้างสังคม” โดยเริ่มก่อสร้างโครงการแรก คือ สัมมากร บางกะปิ ที่ได้ผสมผสานระหว่างการอยู่อาศัย กับการพักผ่อน โดยใช้ทะเลสาบ 5 แห่งในโครงการเป็นจุดขาย
ปัจจุบัน สัมมากร มีโครงการที่พักอาศัยในแนวราบทั้งหมด 9 โครงการ ได้แก่ สัมมากร บางกะปิ สัมมากร มีนบุรี สัมมากร นิมิตใหม่ สัมมากร รังสิตคลอง 2 สัมมากร รังสิตคลอง7 สัมมากรนครอินทร์ สัมมากร ราชพฤกษ์ สัมมากรรามคำแหง และสัมมากร อควา ดิวิน่า และมีแผนเปิดตัว 3 โครงการใหม่ในปี 2559 ได้แก่ โครงการบ้านเดี่ยว ชัยพฤกษ์-แจ้งวัฒนะ โครงการบ้านเดี่ยวรังสิต คลอง7 และโครงการทาวน์โฮม รามอินทรา-วงแหวน
นอกจากนี้ สัมมากร ยังมีโครงการที่พักอาศัยในแนวดิ่ง ได้แก่ โครงการคอนโด เอส9 และร่วมกับ บริษัท อาร์พีซีจี จำกัด (มหาชน) พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ประเภทให้เช่าในรูปแบบคอมมินิตี้ มอลล์ ภายใต้ชื่อศูนย์การค้าเพียวเพลส ซึ่งปัจจุบันมี 3 แห่ง คือ สาขารามคำแหง 110 สาขารังสิต คลอง2 และสาขาราชพฤกษ์
การดำเนินธุรกิจของสัมมากรในปัจจุบันอยู่ในยุคเจเนอเรชั่นที่ 4 ของตระกูลดังอย่าง ปราโมช ณ อยุธยา โดยก่อนหน้านี้ผสมผสานแนวคิดของคนรุ่นเก่าและคนุร่นใหม่จนค่อยๆ พัฒนาสู่ความเป็นมืออาชีพมากขึ้นแต่ยังคงเอกลักษณ์แบบดั้งเดิมเอาไว้ ปัจจุบันบริหารงานโดยผู้ชายสไตล์อบอุ่น มาดเข้ม “กิตติพล ปราโมช ณ อยุธยา” หนึ่งใน 5 พี่น้องของครอบครัวที่ขันอาสาช่วยพัฒนาธุรกิจครอบครัวให้เจริญก้าวหน้าต่อไป
กิตติพล หรือคุณตรี ดำรงตำแหน่ง กรรมการผู้จัดการ บริษัท สัมมากร จำกัด (มหาชน)ในฐานะนักบริหารหนุ่มไฟแรงที่นอกเหนือจากการบริหารธุรกิจครอบครัวให้มีความรุ่งเรือง ขณะเดียวกันไลฟ์สไตล์ของผู้ชายคนนี้ไม่ธรรมดา เนื่องจากเขาเป็นคนชื่นชอบความเร็วเป็นชีวิตจิตใจ และรถยนต์คือสิ่งที่ผู้ชายคนนี้หลงใหลชนิดหัวปักหัวปำถึงขั้นนักสะสมรถยนต์เก่าเลยทีเดียว
หลังหอบดีกรีด้านวิศวกรรมเครื่องกล (Bachelor of Mechanical Engineering) จากมหาวิทยาลัย Exeter อังกฤษ สำเร็จเป็นมหาบัณฑิต ด้านบริหาร ที่ ศศินทร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย จนเข้ามาสานต่อกิจการของครอบครัว แต่ทว่างานอดิเรกที่เขาชอบมาตั้งแต่เด็กๆ คือ รถ โดยตอนแรกก็ชอบรถใหม่ เหมือนกับทุกคน โดยเฉพาะอย่างตระกูลซูเปอร์คาร์ ที่ใครๆ ก็ปรารถนาจะมีไว้ในครอบครอง แต่ด้วยราคาที่สูงมาก พอกลับจากเรียนต่างประเทศ ก็เลยเริ่มมองหารถที่ขับสนุกๆ สักคัน จึงหันไปมองรถคลาสสิกแทน
หลังจากทำงานเต็มตัว เขาก็เริ่มเก็บเงิน ควบคู่ไปกับสอดส่ายสายตามองหารถในฝัน กระทั่งพบกับ Alfa Romeo Guilia GTH ปี 1966 ที่คุณตรีบอกว่า เขาค่อยๆ ทำมันเอง ที่อู่เล็กๆ ที่สร้างขึ้นหลังบ้าน จำได้ว่าได้มันมาแบบเป็นโครง ต้องมาถอดเครื่อง ทำช่วงล่าง เรียกว่าบูรณะใหม่ทั้งคันอยู่ 4 ปี ก่อนจะส่งต่อให้อู่ข้างนอกทำต่อจนเสร็จ
สาเหตุที่เลือกอัลฟา รุ่นนี้ ไม่ใช่เพราะความรักอย่างเดียว แต่คุณตรีบอกว่า เพราะผลิตในช่วงปี 1966-1980 ซึ่งเป็นปีที่ทำสามารถหาอะไหล่ได้ไม่ยาก รวมทั้งยังพอนำอะไหล่มาใส่ทดแทนกันได้ด้วย จากความชื่นชอบรถยนต์เก่าเป็นทุนเดิม คุณตรียังชื่นชอบการแข่งรถเป็นชีวิตจิตใจอีกด้วย โดยเขาตระเวนแข่งรถตามสนามต่างๆ เช่น รายการแข่งขัน Thailand Super Series และวิ่งมาราธอน เป็นที่รู้จักของคนที่รักความเร็วเป็นอย่างดี
และล่าสุดรางวัลสำหรับชีวิตนักแข่งของผู้ชายคนนี้ที่รอคอยมานานก็ตกอยู่ในมือของเขา นั่นคือ แชมป์รุ่น ซูเปอร์คาร์ 2000 ที่เขาเพิ่งพิชิตมาได้หมาดๆ
แม้จะชื่นชอบความเร็วเป็นชีวิตจิตใจ แต่คุณตรียังได้ผสานงานอดิเรกและงานประจำเข้าด้วยกันอย่างลงตัว โดยเขาเปรียบเทียบว่า การแข่งรถ เหมือนกับการเกาเมื่อมีคัน เป็นแพชชั่น เกิดความภูมิใจเมื่อได้รับชัยชนะ เพราะต้องใช้ทั้งฝีมือ และผ่านการวางแผนมาเป็นอย่างดี
รถยนต์ทั่วไปประกอบด้วย 4 ส่วนสำคัญคือ เครื่องยนต์ การเลี้ยว ระบบเบรก และช่วงล่าง เมื่อเปรียบกับสัมมากรที่คุณตรีบริหารงานอยู่ในขณะนี้ เขาเปรียบเปรยให้ฟังว่า เครื่องยนต์อยู่ในความสมบูรณ์ เพราะบริษัทก่อตั้งมานาน มีความเชี่ยวชาญเป็นอย่างดี ระบบเลี้ยว เพื่อเดินไปข้างหน้า สัมมากรยังมีปัญหาเนื่องจากยังมีบุคลากรเก่าๆที่ร่วมทุกข์ร่วมสุขและรักองค์กรจำนวนมาก ทางแก้ปัญหาคือการเพิ่มทีมการตลาดคนรุ่นใหม่ๆ เข้ามา ส่วนระบบเบรก สัมมากรถือว่ามีการควบคุมที่ดีเกินไปด้วยซ้ำเพราะทำให้ขับเคลื่อนได้ช้ากว่าที่ควรจะเป็นทำให้โตช้า จึงทำการเปลี่ยนแปลงผู้ถือหุ้นในช่วงที่ผ่านมาจนสถานการณ์เริ่มดีขึ้นเรื่อยๆ ขณะที่ช่วงล่าง สัมมากรถือว่ามีความพร้อม โดยเฉพาะระบบไอทีคุมข้อมูล
เช่นเดียวกับการบริหารธุรกิจของครอบครัว “ปราโมช ณ อยุธยา” ที่คุณตรียอมรับว่า ภาพของสัมมากรในวันนี้ด้วยวัยที่ผ่านร้อนผ่านหนาวมากว่า 40 ปีทำให้ภาพลักษณ์ดูไม่ค่อยทันสมัยมากนักแต่มีความมุ่งมั่นที่จะค่อยๆ ปรับโฉมให้มีความทันสมัย เห็นได้จากปีนี้เตรียมเปิดตัว 3 โครงการใหม่ ได้แก่ 1) โครงการสัมมากร อเวนิว สุวรรณภูมิ ในรูปแบบทาวน์โฮม 322 ยูนิต บนพื้นที่ 31 ไร่ มูลค่าโครงการ 1300 ล้านบาท 2) โครงการสัมมากร อเวนิว ชัยพฤกษ์–วงแหวน ทาวน์โฮม 292 ยูนิต บนพื้นที่27 ไร่ มูลค่าโครงการ 876 ล้านบาท และ 3) โครงการออฟฟิศ พาร์ค รามอินทรา–วงแหวน โฮม ออฟฟิศ 4 ชั้น 24 ยูนิต บนพื้นที่ 3 ไร่ มูลค่าโครงการ 160 ล้านบาท ทั้ง 3 โครงการอยู่ในระหว่างการเร่งก่อสร้าง พร้อมเปิดพรีเซลในไตรมาส 4
คุณตรี ทิ้งท้ายว่า หากเปรียบกับรถยนต์ สัมมากรคือ “โตโยต้า โคโรล่า” แต่เขามีความมุ่งมั่นที่จะยกระดับให้เป็น “เลกซัส”
นั่นคือ ความเป็นพรีเมียมมากขึ้น แต่ยังคงไว้ซึ่งสไตล์โตโยต้า ……