เมื่อ พีทีจี วัดรอยเท้า ปตท.ลุย non-oil
เมื่อ พีทีจี วัดรอยเท้า ปตท.ลุย non-oil
เป็นข่าวฮือฮาไม่เบา เมื่อบริษัท พีทีจี เอ็นเนอยี
เจ้าของปั๊มน้ำมัน พีทีจี ทุ่มงบ 205 ลบ. ฮุบหุ้น 99.99% บริษัทจี เอฟ เอ คอร์ปอเรชั่น (ไทยแลนด์)
นั่นหมายความว่า พีทีจี จะกลายเป็นเจ้าของธุรกิจอาหาร และกาแฟ แบรนด์ Coffee World, ร้าน Cream & Fudge, New York 5th Av. Deli, Coffee World Restaurant และ Thai Chef Express ทันทีและยังสะท้อนว่า ถึงเวลาที่ พีทีจี จะโดดลงมาเล่นธุรกิจ non-oil หรือกลุ่มธุรกิจที่ไม่ใช่น้ำมันเต็มตัว ซึ่งจะเป็นการขยายธุรกิจร้านอาหารและเครื่องดื่ม, เบเกอรี่ และอื่นๆ โดยไม่จำกัดตัวเองอยู่เฉพาะทำเลในปั๊มน้ำมันของพีทีจีเท่านั้น เพราะปัจจุบันธุรกิจร้านอาหารและเครื่องดื่มของจี เอฟ เอ ที่มีอยู่รวม 130 สาขา ทั้งในประเทศ และต่างประเทศ ล้วนอยู่นอกสถานีบริการน้ำมัน โดยมีทั้งในห้างสรรพสินค้าชั้นนำ คอมมูนิตี้มอลล์ไปจนถึงสนามบิน
กลยุทธ์การลุยธุรกิจกลุ่ม non-oil ของพีทีจีครั้งนี้ นอกจากการซื้อกิจการจีเอฟเอแล้ว ก่อนหน้านี้ พีทีจียังเปิดร้านกาแฟแบรนด์พันธ์ุไทย และร้านสะดวกซื้อ “พีที มาร์ท” ที่มีเป้าหมายขยายให้ครบ 140 สาขาในปีนี้ และจะเปิดต่อเนื่องปีละไม่ต่ำกว่า 200 สาขา ส่วนร้านกาแฟพันธุ์ไทย ตั้งเป้าหมายภายในปี 2565 ต้องมีบริการเทียบเท่า “สตาร์บัคส์” และุมีสาขารวม 2,000 แห่ง จากขณะนี้ 51 แห่ง โดยจะทยอยเปิดสาขาปีละ 400 แห่ง
ขณะเดียวกันยังเป็นการลดความเสี่ยงจากการพึงพาธุรกิจน้ำมันเพียงอย่างเดียว เพราะต้องราคาน้ำมันผันผวนเป็นปัจจัยภายนอกที่ควบคุมไม่ได้ อีกทั้งกระแสของพลังงานทดแทน รถยนต์ไฟฟ้า จะเข้ามากระทบกับธุรกิจน้ำมันแน่นอน
แนวโน้มนี้เห็นได้จากการปรับตัวของพี่ใหญ่อย่าง ปตท. ที่ใส่เกียร์ลุยธุรกิจ non-oil เต็มสูบมาแล้ว โดยเฉพาะการขยายร้านกาแฟ คาเฟ่ อเมซอนทั้งในปั๊มและนอกปั๊ม ทั้งในไทยและต่างประเทศ ภายใต้แผน 5 ปี (2560-2564) จะผงาดร้านกาแฟ คาเฟ่ อเมซอน ต่างแดนให้ครบ 400 สาขา จากปัจจุบันอยู่ที่ 6 สาขา และในประเทศไทยจะเพิ่มจาก 1,667 สาขา เป็น 2,700 สาขา
นอกจากคาเฟ่ อเมซอนแล้ว ปตท.ยังเสริมทัพธุรกิจค้าปลีกใหม่ๆ เพิ่มขึ้นต่อเนื่อง เช่น การคว้ามาสเตอร์แฟรนไชส์ร้านติ่มซำแบรนด์ “ฮั่วเซ่งฮง” เข้ามาเปิดบริการเพิ่มเติม จากเดิมที่มี ร้านชานมไข่มุก, ร้านคาเฟ่ อเมซอน ร้านโดนัท แด๊ดดี้ โด ร้านไก่ทอดเท็กซัส เป็นต้น
การที่ธุรกิจปั๊มน้ำมันพากันลุยขยายธุรกิจที่ไม่ใช่น้ำมัน เป็นเพราะกำไรของธุรกิจกลุ่ม non-oil สูงกว่าน้ำมันหลายเท่าตัว เห็นได้จากกำไรของร้านกาแฟเฉลี่ยอยู่ที่ 65% ขณะที่ค้าปลีกน้ำมันี่มีตัวเลขกำไรเพียง 8–9% เท่านั้น