รู้จัก“พีระพงศ์ จรูญเอก” แม่ทัพ “ออริจิ้น”
นาทีนี้ในแวดวงธุรกิจอสังหาริมทรัพย์คงไม่มีผู้บริหารคนไหนร้อนแรงเท่ากับชายหนุ่มที่ชื่อ “พีระพงศ์ จรูญเอก” ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด ซึ่งถือเป็นหนึ่งในต้นแบบการบริหารของคน GEN Y ที่ประสบความสำเร็จในธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์
ความฮือฮาคร้ังสำคัญที่กลายเป็น Talk Of The Town ในปีที่ผ่านมาคือการผนึกกำลัง “พราวด์ เรสซิเดนซ์” ของตระกูลดังอย่าง ลิปปตภัลลพ ถือเป็นการซินเนอร์จี้ธุรกิจที่ทำให้วงการอสังหาริมทรัพย์รายอื่นๆ ต้องหันกลับมามองถึงการร่วมมือกันในครั้งนี้ เพราะหลังรวมกันจะทำให้ยอดแบ็กล็อกรวม 24,000 ล้านบาทขึ้นแท่นท็อป 5 ธุรกิจอสังหาฯ เมืองไทยเลยทีเดียว
และไม่เพียงท็อป 5 เท่าน้ันที่ออริจิ้นหมายปอง แต่ตำแหน่ง ท็อป 3 ต่างหากที่ต้องไต่ให้ถึง
เบื้องหลังความสำเร็จของอดีตม้านอกสายตารายนี้ คงต้องยกเครดิตให้กับ พีระพงศ์ จรูญเอก ที่วางแผนขับเคลื่อนองค์กรที่ใครหลายคนแสดงเป็นห่วงว่าโตเร็วเกินไปหรือไม่ ด้วยการกำหนดทิศทางการดำเนินงานนับจากนี้ จะมุ่งเดินหน้าสร้างอาณาจักรออริจิ้น หรือ The Empire of Origin โดยให้ความสำคัญกับการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ครบวงจร ทั้งโครงการคอนโดมิเนียม โครงการบ้านแนวราบ โครงการร่วมทุนกับต่างชาติ โครงการอสังหาริมทรัพย์ที่สร้างรายได้หมุนเวียน รวมถึงมีธุรกิจบริการที่เกี่ยวข้องกับอสังหาริมทรัพย์อย่างครบถ้วน เพื่อให้ตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภคในทุกเซ็กเมนท์
ปี 2561 ออริจิ้นเตรียมเปิดโครงการใหม่ 14 โครงการ มูลค่ารวมกว่า 30,000 ล้านบาท แบ่งเป็น คอนโดมิเนียม 10 โครงการ มูลค่า 26,000 ล้านบาท และโครงการบ้านแนวราบ 4 โครงการ มูลค่า 4,000 ล้านบาท ขณะที่วางเป้ายอดขายไว้ที่ 20,000 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปี 2560 ราว 43% เป้ารายได้ที่ 15,000 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปี 2560 ราว 67%
ก้าวแรกของการสร้างอาณาจักรออริจิ้น จะหันมาให้ความสำคัญกับการพัฒนาโครงการระดับลักชัวรี่มากขึ้น โดยมีแผนจะพัฒนาโครงการมิกซ์ยูสผสานกับโครงการคอนโดมิเนียม 3 ทำเล เพื่อสร้างโครงการแฟล็กชิพภายใต้คอนเซ็ปต์ “พาร์ค ออริจิ้น คอมเพล็กซ์” รวมมูลค่ากว่า 70,000 ล้านบาท ในทำเลใจกลางเมือง ได้แก่ พร้อมพงศ์ ทองหล่อ และพญาไท ให้สอดคล้องกับเมกะเทรนด์ด้านการอยู่อาศัยของโลก ที่ผู้บริโภคจะให้น้ำหนักกับการเข้าอยู่อาศัยในโครงการที่มีสิ่งอำนวยความสะดวกครบถ้วน ซึ่งตอบโจทย์การใช้ชีวิตได้อย่างครบวงจร ขณะนี้ บริษัทกำลังอยู่ระหว่างศึกษาและพิจารณารายละเอียดของการพัฒนาแต่ละโครงการ
พีระพงษ์ ไขความลับว่า ความสำเร็จของเขาเกิดจากการตัดสินใจที่รวดเร็ว การหมุนรอบงานก่อสร้างที่ทำรายได้เร็ว และ Blue Ocean Strategy หรือการหาน่านน้ำใหม่ๆ นอกจากทำเล และแนวคิดโครงการรูปแบบใหม่ เขายังเน้นการให้บริการหลังการขาย โดยเป็นรายแรกๆ ที่มี hotel services ครบวงจร มีแม่บ้านทำความสะอาดมากกว่าร้อยคนในปัจจุบัน
คราวนี้เราไปทำความรู้จักผู้ชายคนนี้อย่างละเอียดดีกว่า
พีระพงศ์ จรูญเอก ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) เกิดเมื่อวันที่ 13 ตุลาคม 2519 ในครอบครัวเชื้อสายจีน ทำธุรกิจเกี่ยวกับการขนส่ง มีรถบรรทุก บรรทุกพืชผลเกษตร เรียนจบ คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น ตอนอายุ 20 ปีกว่าๆ ใช้ระยเวลาในการเรียนเพียง 3 ปีครึ่งก็สำเร็จการศึกษา และเริ่มต้นชีวิตลูกจ้างในวัย 21 พร้อมกับได้รับความไว้วางใจจากเจ้านายให้เป็น Project Manager คุมโครงการมูลค่า 300 ล้านบาท ซึ่งอยู่ในมหาวิทยาลัยนเรศวรใบช้เวลาเกือบ 2 ปี โครงการจึงแล้วเสร็จ
โครงการดังกล่าวถือเป็นว่าโครงการที่มีกำไรเยอะที่สุดในบริษัท จึงได้รับมอบหมายงานที่สำคัญของบริษัทมาตลอด โดยทำงานอยู่ที่นั่นประมาณ 4 – 5 ปี จากบริษัทที่ไม่ได้ใหญ่นัก รับงานปีหนึ่งประมาณ 300 – 500 ล้านบาท ก็ช่วยกันพัฒนา จนโตขึ้นมารับงานที่มีมูลค่า 3,000 ล้านบาทต่อปี
หลังจากที่ทำงานในสายงานก่อสร้างประมาณ 5 ปี ก็ตัดสินใจไปเรียนต่อปริญญาโททางด้านวิศวกรรมศาสตร์ที่ประเทศออสเตรเลีย จากนั้นก็กลับมาเป็นผู้บริหารโครงการอีกประมาณ 2 ปี ก่อนจะชิมลางธุรกิจแรกของตัวเองด้วยการสร้างอพาร์ตเมนท์ให้เช่าในช่วงวัยเพียง 26 ปี มูลค่าการลงทุนประมาณ 40 ล้านบาท โดยอพาร์ตเมนท์โครงการแรกตั้งอยู่หลังโครงการนอร์ธปาร์ค ใกล้กับมหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิต จับกลุ่มคนต่างชาติแทนที่จะจับกลุ่มนักศึกษา เหมือนกับอพาร์ตเมนท์ในละแวกนั้น พร้อมกับตั้งราคาห้องสูง 6,000 – 10,000 บาทต่อเดือน ขณะที่อพาร์ตเมนท์ที่จับกลุ่มนักศึกษามีราคาห้องเช่าอยู่ที่ 3,000 – 4,000 บาทต่อเดือน
ทำอพาร์ตเมนท์ให้เช่าอยู่ 5 ปี ในระหว่างนั้นก็เปลี่ยนไปทำเรียลเอสเตทกับอีกบริษัทอสังหาริมทรัพย์บริษัทหนึ่ง พออายุ 28 ปี ผมก็เริ่มเดินจากก่อสร้างไปหาธุรกิจบ้านจัดสรรไปสมัครในตำแหน่ง COO (Chief Operating Officer) แต่ด้วยความสามารถที่มีอยู่ทางบริษัทให้เข้ารับตำแหน่ง CEO แทน ซึ่งในขณะนั้นบริษัทมี CEO อยู่แล้ว 10 กว่าคน ที่ส่วนใหญ่อายุ 40 – 50 ปี
เริ่มจากเป็น CEO บริษัทขนาดเล็กในเครือ ดูแลบ้านจัดสรรประมาณ 3 โครงการ มูลค่ารวมประมาณ 1,000 ล้านบาท และไต่เต้ามาเรื่อยๆ จนกลายเป็น Group CEO ดูแล CEO อีกประมาณ 10 กว่าคน ส่วนมูลค่าธุรกิจที่เราดูแลก็เป็นหมื่นล้าน ในวัยเพียง 33 ปี พร้อมเก็บเกี่ยวประสบการณ์ต่างๆ เพื่อมาเปิดบริษัทของตัวเองในปี 2552 ภายใต้ชื่อ บริษัท ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด
ธุรกิจของออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ เริ่มต้นจากการก่อตั้งเป็นบริษัทเล็กๆ ด้วยเงินทุนของครอบครัว ทุนจดทะเบียน 10 ล้านบาท โดยเริ่มพัฒนาโครงการคอนโดมิเนียมโครงการแรก คือ โครงการ Sense of London สุขุมวิท 109 ซึ่งเป็นโครงการคอนโดมิเนียม สูง 8 ชั้น จำนวน 162 หน่วย ตั้งอยู่บนถนนสุขุมวิท 109 มูลค่าโครงการประมาณ 198 ล้านบาท ถึงแม้จะไม่ใช่ทำเลทอง แต่ก็เป็นทำเลที่มีศักยภาพ เพราะมีแหล่งชุมชนขนาดใหญ่ที่มีกำลังซื้อ โดยเน้นเลือกจับตลาดคนรุ่นใหม่ ทำให้ได้รับการการตอบรับเป็นอย่างดี
ต่อมาเริ่มเล็งเห็นว่า หากต้องการขยายธุรกิจให้แข็งแรงมั่นคง ต้องเข้าเป็นบริษัทในตลาดหลักทรัพย์ จึงเพิ่มทุนจดทะเบียนเป็น 200 ล้านบาทในปี 2555 และเตรียมการอื่นๆ เพื่อให้พร้อมเข้าตลาดฯ พอวันที่ 7 ต.ค. 2558 เป็นวันแรกที่เริ่มเข้าเทรดในตลาดจริงๆ จนมาล่าสุดจบปี 2559 ออริจิ้นกลายเป็นบริษัทที่มียอดขายทะลุ 1 หมื่นล้านบาท
ในปี 2560 นี้ ออริจิ้นก็ได้มีพัฒนาการใหม่ๆ อีกหลายเรื่อง เช่น การปรับทิศทางการตลาดครั้งใหญ่ หันมาให้ความสำคัญกับ Above the line มากขึ้น จ้างณเดชน์ คูกิมิยะ เป็น Brand Ambassador ออกสื่อโฆษณาต่างๆ ให้กับบริษัท ไปจนถึงการผนึกกำลังกับบริษัท พราวด์ เรสซิเดนซ์ เพื่อขยายตลาดต่างประเทศและเพิ่มพอร์ตตลาดบนให้มากขึ้น ซึ่งจะทำให้ออริจิ้นจะมีแบรนด์คอนโดมิเนียมครอบคลุมในทุกเซ็กเมนท์
รวมทั้งการมองหาพันธมิตรใหม่ๆ ด้วยการร่วมทุนกับบริษัท โนมูระ เรียลเอสเตท ดีเวลล็อปเมนท์ จำกัด บริษัทอสังหาริมทรัพย์รายใหญ่ของญี่ปุ่น เพื่อร่วมกันพัฒนาโครงการคอนโดมิเนียม สำหรับ 3 โครงการร่วมทุนที่เปิดขายในปีนี้ ได้แก่ 1.โครงการไนท์บริดจ์ ไพรม์ รัชโยธิน จำนวน 334 ยูนิต มูลค่าโครงการ 1,600 ล้านบาท 2.โครงการไนท์บริดจ์ ไพรม์ อ่อนนุช จำนวน 601 ยูนิต มูลค่าโครงการ 2,500 ล้านบาท 3.โครงการไนท์บริดจ์ คอลลาจ รามคำแหง จำนวน 685 ยูนิต มูลค่าโครงการกว่า 2,000 ล้านบาท รวม 3 โครงการระหว่างออริจิ้นและโนมูระในปีนี้ 1,620 ยูนิต มูลค่าโครงการรวมกว่า 6,100 ล้านบาท
ด้านครอบครัวสมรสกับ นางอารดา จรูญเอก มีบุตรด้วยกัน 2 คน เวลาว่างก็มักจะไปท่องเที่ยวกับครอบครัวทั้งในประเทศและต่างประเทศ รวมทั้งการหาหนังสือ จำพวกพ็อกเกตบุ๊กทั่วๆ ไป โดยส่วนตัวอ่านหนังสือได้หลากหลายแนวที่ผ่านมามีหมด ทั้งแนวจิตวิทยา อาหาร ฮาวทู ปรัชญาการลงทุนอย่างหุ้น ตลอดจนหนังสือแนวการบริหารที่สามารถนำมาปรับใช้ในการทำงาน เพราะพนักงานของบริษัทปัจจุบันก็จะมีอายุเฉลี่ยที่ 28-29 ปี เท่านั้น เพื่อเลือกบางมุมหรือบางส่วนมามอง แต่ต้องมีการปรับเปลี่ยนแนวทางให้เข้ากับลักษณะหรือวัฒนธรรมองค์กร แต่หลักๆของการบริหาร คือการให้พนักงานปลดปล่อยความคิดสร้างสรรค์ออกมา
การไต่จากท็อป 5 สู่ท็อป 3 ที่พีระพงษ์หมายปองจะเป็นจริงได้หรือไม่ ต้องติดตาม