บริบทใหม่ “อาเจ”ดิ้นสู้ฟัดน้ำอัดลมไทย
ต้องยอมรับว่า ที่ผ่านมาสินค้าเกือบทุกตลาดไม่เติบโตสืบเนื่องมาจากปัจจัยทางด้านเศรษฐกิจเป็นหลักที่ส่งผลโดยตรงต่อกำลังซื้อของผู้บริโภคที่ไร้อารมณ์ในการจับจ่ายใช้สอยสินค้าใดๆ ทั้งสิ้นหากไม่จำเป็น รวมถึงตลาดเครื่องดื่มโดยรวมที่พลอยได้รับผลกระทบอย่างไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้ สินค้าเกือบทุกประเภทไม่มีการเติบโตแถมลดลงอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะกลุ่มน้ำอัดลมที่ปีนี้ประเมินกันว่าเติบโตลดลงอย่างน้อย 5%
อาเจ กรุ๊ป ในฐานะหนึ่งในบริษัทผลิตเครื่องดื่มข้ามชาติและเจ้าของตราสินค้าเครื่องดื่มแบรนด์บิ๊ก™ ที่เคลมว่าแบรนด์ตัวเองรั้งอันดับสามด้วยส่วนแบ่ง 7% รองจากโค้กและเป๊ปซี่ เดินหน้าสานต่อกลยุทธ์บิสสเนส เอ็กคลูซีฟช่องทางจำหน่ายกับพันธมิตรทางธุรกิจอย่างแม็คโครเป็นปีที่สอง ด้วยการเปิดตัวน้ำอัดลมสองรสชาติใหม่อย่าง “บิ๊ก™ กลิ่นบลูฮาวาย” และ “บิ๊ก™ กลิ่นบั๊บเบิ้ลกัม” วางจำหน่ายเฉพาะที่แม็คโครเท่านั้น ในช่วงเทศกาลของการเฉลิมฉลองที่กำลังจะมาถึงนี้
ฟาเบียน มอสเกร่า ผู้จัดการประจำประเทศไทย บริษัท อาเจไทย จำกัด บอกว่า อาเจมองเห็นว่าประเทศไทยเป็นตลาดที่มีความสำคัญเป็นอย่างยิ่งต่อผลิตภัณฑ์แบรนด์บิ๊ก™ และประเทศไทยก็เป็นศูนย์กลางการตลาดและการพัฒนาผลิตภัณฑ์ของภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้อีกด้วย จึงมองหาวิธีการที่จะทำให้ผลิตภัณฑ์เข้าถึงกลุ่มผู้บริโภคได้มากขึ้น นอกเหนือไปจากช่องทางจำหน่ายเฉพาะพื้นที่ การร่วมมือกับแม็คโครในครั้งนี้จะช่วยทำให้ผลิตภัณฑ์เข้าถึงกลุ่มผู้บริโภคได้ทั่วทั้งประเทศไทย ซึ่งแม็คโครเป็นศูนย์ค้าส่งที่ได้รับการยอมรับ เป็นที่รู้จัก และได้รับความนิยมเป็นอย่างมากจากคนไทยซึ่งสิ่งนี้จะช่วยทำให้การเข้าถึงผู้ดื่มของบิ๊ก™ ได้กว้างมากขึ้น จากเดิมเป็นพันธมิตรกับร้านสะดวกซื้อเซเว่น อีเลฟเว่นผลิตสินค้าที่จำหน่ายเฉพาะช่องทางร้านเซเว่นอีเลฟเว่นมาแล้ว
ผู้บริหารอาเจ ประเมินภาพรวมตลาดน้ำอัดลมที่มีมูลค่ากว่า 5 หมื่นล้านบาทในปีนี้ว่า เติบโตติดลบ 5% เนื่องมาจากกำลังซื้อของผู้บริโภคที่ลดลงทำให้ต้องพยายามขยายตลาดเครื่องดื่มชนิดใหม่ๆ อย่างต่อเนื่อง โดยในปีนี้ได้วางตลาดสินค้าใหม่เพิ่มขึ้นจนมีสินค้าเครื่องดื่มรวม 4 กลุ่มได้แก่ น้ำอัดลม เครื่องดื่มชูกำลัง บิวตี้ดริ้งค์ และชาพร้อมดื่มเพื่อขยายพอร์ตโฟลิโอให้แข็งแกร่งและเป็นการขยายความเสี่ยงจากตลาดน้ำอัดลมเพียงอย่างเดียว
ขณะเดียวกันจากกระแสผู้บริโภคทั่วโลกที่ต้องการสินค้านวัตกรรมและเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพมากขึ้น อาเจจึงเน้นการพัฒนาสินค้าใหม่ๆ เพื่อตอบสนองความต้องการดังกล่าว โดยขณะนี้อยู่ระหว่างการพัฒนาสินค้าเครื่องดื่มนวัตกรรมใหม่ๆ ที่สอดคล้องกับความต้องการของผู้บริโภคในยุคไทยแลนด์ 4.0 ซึ่งคาดว่าจะสามารถเปิดตัวในต้นปีหน้า โดยใช้โรงงานเดิมที่ชลบุรียังคงรองรับการผลิตได้เพียงพอโดยไม่ต้องลงทุนเพิ่ม
“ในช่วง 20 ปีก่อน ตลาดน้ำอัดลมถือเป็นตลาดใหญ่ที่สุดและมีการเติบโตที่ดี แต่วันนี้พฤติกรรมผู้บริโภคเปลี่ยนแปลงไปมาก ปริมาณการดื่มเครื่องดื่มของคนไทยลดลง แต่เราก็ยังเชื่อว่าตลาดจะกลับมาโตด้วยนวัตกรรมใหม่ๆ สินค้าประเภทใหม่ๆ หรือนวัตกรรมใหม่ๆ ในสินค้าตัวเดิม ผู้ประกอบการควรเร่งสร้างความตื่นเต้นให้ผู้บริโภคเพื่อเป็นการช่วยกระตุ้นตลาดอีกทางหนึ่ง”
จากแผนงานดังกล่าว เชื่อว่าจะส่งผลให้อาเจซึ่งเป็นบริษัทเครื่องดื่มอันดับสี่ของโลก อันดับสามของแบรนด์น้ำอัดลมทั่วโลก และอยู่อันดับสามในตลาดน้ำอัดลมในประเทศไทย สามารถรักษาการเติบโตทรงตัวเท่าปีที่ผ่านมา ขณะที่ปี 2561 คาดว่าจะเติบโตได้ 10% ส่่วนปีนี้เสมอตัว