นักการตลาดพึงฟัง “เสียงจากคุณแม่แท้ๆ”
แม้ว่าอัตราการเกิดจะลดน้อยถอยลงไปมาก แต่ทว่า สินค้าที่เกี่ยวกับแม่และเด็ก โดยเฉพาะเด็กแรกเกิดกลายเป็นขุมทองของผู้ประกอบการที่เกี่ยวข้อง “มาร์เก็ตบัซซ’ แนะนำแบรนด์ผลิตภัณฑ์ ต่างๆ ควรเข้าถึงข้อมูลในเชิงลึกที่รว ดเร็วและถูกต้องแม่นยำ
โดยผลสำรวจล่าสุดเรื่อง “เสียงจากคุณแม่แท้ๆ” ที่มีลูกน้อยวัย 0–3 ปี จำนวน 1,000 คน พบว่าแม่เป็นคนที่ตัดสินใจเรื่อ งต่างๆ สำหรับลูกน้อยเป็นหลัก สูงถึง63% โดยมือถือเป็นสิ่งที่ทำให้เปลี่ ยนแปลงการตัดสินใจของกลุ่มแม่
ความท้าทายมากมายที่ได้จากการค้ นพบข้อมูลที่เป็นประโยชน์เกี่ยว กับกลุ่มคุณแม่เป็นแรงผลักดันสำ คัญที่ทำให้ Marketbuzzz (มาร์เก็ตบัซซ) ผู้นำด้านการสำรวจวิจัยข้อมูลบน มือถือในประเทศไทย ซึ่งเป็นอีกหน่วยธุรกิจสำคัญของ Buzzebees (บัซซี่บีส์) ได้ทำการเปิดตัว Mother’s Panel เพื่อเชื่อมต่อกลุ่มคุณแม่กับแบ รนด์ชั้นนำต่างๆ ในประเทศไทย เพื่อช่วยเหลือแบรนด์ต่างๆ ในการนำแนวความคิดใหม่ๆเข้าสู่ต ลาด
Marketbuzzz สามารถเชื่อมต่อกับกลุ่มคุณแม่ค นไทยกว่าสองล้านคนทั่วประเทศ ตั้งแต่คุณแม่ที่มีลูกอ่อนเพิ่ง คลอดไปจนถึงคุณแม่ที่มีลูกอายุ 18 ปี ด้วยจำนวนของคุณแม่ที่มีอยู่จำน วนมากนี้ ทำให้เกิดการเชื่อมต่อที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทยในการเก็บรวบรวมข้ อมูล ความคิดเห็นและมุมมองในเรื่องต่ างๆ เกี่ยวกับคุณแม่และลูก เพื่อช่วยให้กลุ่มนักการตลาดสาม ารถตัดสินใจได้มีประสิทธิ ภาพมากขึ้น และยังสามารถวางแผนการตลาดของผลิ ตภัณฑ์และบริการได้อย่ างเหมาะสมที่สุดอีกด้วย ทั้งหมดนี้สามารถจัดการได้ผ่านท างมือถือของคุณแม่!
Marketbuzzz จัดให้กลุ่มคุณแม่ของทารกแรกเกิ ดถึงอายุสามปีเป็นกลุ่มเริ่มต้น คุณแม่กลุ่มนี้มีชีวิตที่ยุ่งมา ก หลายคนเป็นคุณแม่มือใหม่ที่มักจ ะค้นหาข้อมูลเกี่ยวกับการเป็นแม่ อยู่สม่ำเสมอและมีข้อสงสัยว่ าได้ทำสิ่งที่ถูกต้องและดีที่สุ ดให้ลูกหรือไม่ แล้วเรายังได้พบว่ากลุ่มนักการต ลาดกำลังมองหาข้อมูลที่คล้ายคลึ งกันสำหรับเด็กที่กำลังโต ในช่วงอายุระหว่าง 3–12 ปี รวมทั้งในช่วงอายุวัยรุ่นที่กลุ่มคุณแม่กำลังมองหาข้อมูลเกี่ยวกั บการเติบโตและการศึกษา พฤติกรรมการกินและอาหาร และคำแนะนำอื่นๆ ในการเป็นพ่อแม่อีกด้วย เราจึงเล็งเห็นถึงโอกาสที่จะนำเ สนอการเข้าถึงกลุ่มคุณแม่ที่มี ลูกในวัยแรกเกิดไปจนถึง 18 ปี
มร. แกรนท์ บาร์โทลี่ ประธานบริหารของ Marketbuzzz ในฐานะอีกหน่วยธุรกิจของBuzzebees (บัซซี่บีส์) อธิบายว่า มือถือได้เปลี่ยนแปลงวิธีการใน การตัดสินใจของกลุ่มคุณแม่ พวกเขาใช้มือถือในการค้นหาข้อมู ล ในการให้ความรู้กับตนเอง ในการซื้อสินค้า และในการตัดสินใจต่างๆ อยู่ตลอดทั้งวัน ดังนั้น แบรนด์ต่างๆ มีโอกาสมากยิ่งขึ้นในการเข้าถึง กลุ่มคุณแม่ ด้วยเหตุผลนี้ เราจึงนำเสนอการเชื่อมต่อไปยังก ลุ่มคุณแม่สองล้านคนนี้ เพื่อให้ผู้จัดการแบรนด์และนักก ารตลาดสามารถทำการค้นคว้าทางการ ตลาดและได้รับข้อมูลที่มากขึ้ นเกี่ยวกับกลุ่มเป้าหมายของตนเอ ง ด้วยวิธีการที่รวดเร็วและมีประสิ ทธิภาพมากที่สุด นั่นก็คือ ทางมือถือ
ในกรณีนี้ยิ่งมีข้อมูลมากก็ยิ่งมีประโยชน์มากขึ้น และการให้ข้อมูลกลุ่มคุณแม่กว่า สองล้านคนนี้ จะทำให้นักการตลาดสามารถทำการศึ กษาค้นคว้าเฉพาะเจาะจงไปยังลักษ ณะเฉพาะของกลุ่มตลาดเป้าหมายได้ ไม่ว่าจะเป็นในเรื่องของไลฟ์สไต ล์ อายุของลูกหรือแม้แต่อาการแพ้ที่ลูกรู้สึก ไวต่อสิ่งใดสิ่งหนึ่ง เราก็สามารถหาข้อมูลนั้นได้ ประโยชน์อย่างที่สองคือ กลุ่มคุณแม่เป็นกลุ่มคนที่ยุ่งม าก ด้วยการเข้าถึงพวกเขาเหล่านั้นผ่ านทางมือถือจะช่วยให้เราสามารถเ ก็บรวบรวมข้อมูลต่างๆ ได้ในช่วงที่กลุ่มคุณแม่มีเวลาที่ จะให้ข้อมูลผ่านมือถือ
ผลการสำรวจ “เสียงจากคุณแม่แท้ๆ” ซึ่งทำให้เกิดความรู้ความเข้าใจ ในบทบาทการเป็นคุณแม่ของลูกในวั ยตั้งแต่ 0–3 ปี ในการตัดสินใจเรื่องต่างๆ โดยเฉพาะการเปลี่ยนมุมมองและอิท ธิพลของช่องทางออนไลน์ กลุ่มคุณแม่ในปัจจุบันนี้เป็นกลุ่ มคนยุคใหม่ที่เติบโตมากับการหาข้ อมูลต่างๆ ผ่านทางมือถือ และชอบที่จะแบ่งปันช่วงเวลาแห่ง ความสุขของลูกผ่านทางมือถืออีกด้ วย
ข้อมูลจากการสำรวจบางส่วน:
· ไม่น่าแปลกใจเลยว่า 63% ของกลุ่มคุณแม่จะเป็นผู้ตัดสินใ จหลัก โดยอีก 37% เป็นสมาชิกในครอบครัวเป็นผู้ตัด สินใจหลักร่วมกับคุณแม่ ซึ่งเป็นโอกาสสำหรับการกำหนดกลุ่มเป้าหมายเพิ่มเติม
· อาหารเป็นประเภทสินค้าที่มีการซื้ อมากที่สุด รองลงมาคือของใช้ส่วนตัว เสื้อผ้า และของเล่นเสริมทักษะ
· กลุ่มคุณแม่ส่วนใหญ่มีค่าใช้จ่า ยสำหรับลูกน้อยเฉลี่ยต่อเดือนอยู่ ระหว่าง 2,500–7,500บาท ครอบครัวที่มีรายได้มากก็ยิ่งมี ค่าใช้จ่ายต่อเดือนมาก ครอบครัวที่มีรายได้น้อยก็จะมีค่ าใช้จ่ายต่อเดือนน้อย
· ในอดีต กลุ่มคุณแม่จะขอคำแนะนำจากแม่ขอ งพวกเขา แต่กลุ่มคุณแม่ในยุคนี้ มีการเชื่อมต่อมากขึ้นกว่าแต่ก่ อน โดยเฉพาะทางมือถือและทางอินเตอร์ เน็ต คุณแม่ยุคนี้มีความปรารถนาอย่าง แรงกล้าที่จะมีความรู้ความเข้าใ จในการเป็นพ่อแม่ พลังของโซเชียลมีเดีย รวมถึงโฆษณาออนไลน์และโฆษณาทางที วี เป็นช่องทางที่ใหญ่ที่สุด รองลงมาคือการอ่านข่าวสารและบทค วามเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ของเด็ก ซึ่งเป็นช่องทางที่คุณแม่ใช้มาก กว่าคำแนะนำจากครอบครัวและเพื่ อนฝูง บ่งบอกได้ว่ากลุ่มคุณแม่มองหาแห ล่งข้อมูลที่กว้างมากขึ้นกว่ าในกลุ่มของคนสนิท
· ข้อมูลยังสนับสนุนให้เห็นว่า กลุ่มคุณแม่เห็นว่ากิจกรรมโปรโม ชั่นต่างๆ มีผลมากที่สุดต่อการตัดสินใจซื้ อสินค้าให้กับลูกน้อย สูงถึง 38% ซึ่งมากกว่าคำแนะนำจากครอบครัวแ ละเพื่อนฝูง 16% การโฆษณา 15% คำแนะนำจากคุณหมอ 14% และผลการวิจัยอ้างอิงจากมุมมองข องกลุ่มคุณแม่ 13%
· จากข้อมูลของการซื้อสินค้าสำหรั บลูกน้อย ร้านค้าแบบดั้งเดิม (ห้างสรรพสินค้า, ซุปเปอร์มาร์เก็ต) เป็นช่องทางสำหรับซื้อสินค้าที่ กลุ่มคุณแม่นิยมมากที่สุด สูงถึง 92% โดยมีช่องทางทางอีคอมเมิร์ซเป็น ช่องทางอันดับที่ 2 อยู่ที่ 58%
· การสำรวจนี้ ยังลงลึกไปถึงรายละเอียดของปัจจั ยในการตัดสินใจซื้อทั้งในส่วนขอ งการให้นมลูกและการเปลี่ยนผ้าอ้ อมให้กับลูกน้อยอีกด้วย กลุ่มคุณแม่ยังเปิดใจกว้างในการ เปลี่ยนแบรนด์ในการให้นมและผ้ าอ้อมซึ่งจะต้องมีเหตุผลที่ดี ในการเปลี่ยน ผลสำรวจพบว่ามีการเปลี่ยนยี่ห้อ นมผงถึง 58% และเปลี่ยนยี่ห้อผ้าอ้อมถึง 65% ในช่วงลูกวัย 0–3 ปี โดยข้อมูลพบว่าเหตุผลในการเปลี่ ยนแบรนด์ขึ้นอยู่กับประโยชน์ของ สินค้าเป็นหลัก นอกจากนี้ ราคาและโปรโมชั่น เป็นอีกเหตุผลสำคัญในการตัดสินใ จเลือกซื้อ
ไม่แปลกใจเลยที่กลุ่มคุณแม่ในปั จจุบันจะมีความรู้ความเข้าใจมาก ขึ้น มีอิทธิพลมากขึ้น และสามารถเข้าถึงผลงานวิจัยและข้ อมูลได้มากกว่าคุณแม่ในยุคก่อนๆ ซึ่งนับเป็นโอกาสดีในการที่แบรน ด์ต่างๆ ซึ่งมีทุกอย่างที่พวกเขาต้องการ จะทำให้เกิดผลที่ยิ่งใหญ่ต่อกลุ่มคุณแม่เหล่านี้ แต่ก็มีความเสี่ยงสูงเช่นกันหาก แบรนด์ไม่ทำความเข้าใจและตอบสนอ งให้ตรงกับความต้องการของกลุ่ มคุณแม่เหล่านี้
ความรู้ที่เกิดจากสัญชาตญาณเป็น สิ่งที่ยอดเยี่ยม แต่ความชัดเจนและแน่นอนคือข้อเท็ จจริงที่มาจากการความเข้าใจอย่ างลึกซึ้ง และการตัดสินใจนั้นจะนำนักการตล าดไปสู่ทิศทางที่ถูกต้อง