
สงครามที่ ”ทรัมป์” แพ้ ตั้งแต่ยังไม่เริ่ม
‘ธนก บังผล’
ไม่บ่อยนักที่มี้คนจำนวนมากต่
นับตั้งแต่สหรัฐลอบส่งโดรนสั งหาร พลเอกกาเซ็ม โซไลเมนี ผู้นำทางทหารที่มีอำนาจเป็นอั นดับ2 ของอิหร่านเสียชีวิตอย่างเหี้ ยมโหดในอิรัก จนทำให้ชาวอิหร่านพร้อมใจกั นออกมาร่วมพิธีศพอย่างล้ นหลามและยิ่งใหญ่มากเป็นประวัติ ศาสตร์
ทรัมป์ เปิดเผยเหตุผลที่ต้องสั่งการเด็ ดหัวนายพลโซไลเมนี ว่า อยู่เบื้องหลังเหตุการณ์ เผาสถานทูตอเมริกันในกรุ งแบกแดด และให้การสนับสนุนกลุ่มผู้ก่ อการร้าย
นอกจากนี้สหรัฐยังเคยให้เงินกั บนายพลโซไลเมนีเพื่ อทำการทดลองอาวุธนิวเคลียร์แต่ สุดท้ายกลับมาลอบทำร้าย จนกลายเป็นความแค้นก่ อนจะออกหมายสั่งตาย
ท่ามกลางสถานการณ์ความตึงเครี ยดกับอิหร่านกำลังปะทุ ทรัมป์โยนเชื้อเพลิงเข้ ากองไฟอยู่หลายครั้ง ไม่ว่าจะเป็นการขู่ใช้จรวดมิ สไซล์ที่มีอานุภาพทำลายล้างสูง หากอิหร่านลุกขึ้นมาตอบโต้
แม้ในอดีตที่ผ่านมา สหรัฐฯจะเป็นผู้ตั้ งกฎในสนามรบและใช้วิธีกดดันฝั่ งตรงข้ามทุกทางพร้อมทั้งเปิ ดฉากยิงใส่ก่อนเพื่อข่มขู่ด้ วยการแสดงแสนยานุภาพทางทหาร ซึ่งหลายประเทศที่ถูกบีบบังคั บมักจบลงด้วยการ ”ยอมแพ้” แต่ไม่ใช่กับอิหร่านในวันนี้
เทียบกันปอนด์ต่อปอนด์ อิหร่านรู้ดีว่าหากต้องรบกั บสหรัฐ ไม่ชนะแน่นอน เพราะเสียเปรียบตั้งแต่กำลั งทหาร ยานพาหนะสงคราม และอาวุธทางอากาศ
อิหร่านจึงตัดสินใจตอบโต้ด้ วยการยิงขีปนาวุธไปยังฐานทั พของสหรัฐในอิรักทันที
ทรัมป์ ที่ถนัดแต่ขู่เมื่อเจอการตอบโต้ ทางการทหารเป็นครั้งแรกในชีวิต และไม่คิดว่าอิหร่านจะกล้าทำ จึงเรียกหน่วยงานความมั่นคงเข้ ารายงานเพื่อเตรียมแถลงท่าทีต่ อการสู้รบครั้งนี้ในวันรุ่งขึ้น
ข่าวอิหร่านยิงขีปนาวุ ธทำลายฐานทัพสหรัฐถูกเผยแพร่ ไปทั่วโลกเพราะไม่เคยมีใครใช้ อาวุธสงครามยิงใส่ทหารอเมริกั นมาก่อน
้ผู้เชี่ยวชาญวิเคราะห์กันว่าอิ หร่านจะสู้แบบใต้ดินคือใช้นั กรบศาสนาวางระเบิดฆ่าตัวตายในยุ ทธศาสตร์ที่สำคัญ ไม่มีใครคิดว่าอิหร่านซึ่งอาวุ ธสงครามมีแค่หยิบมือ จะกล้าเปิดเวทีท้าให้ ประเทศมหาอำนาจทางการทหารอย่ างสหรัฐเข้าสู่สนามรบ

การตอบโต้ของอิหร่านไม่ใช่แค่ส่ งสัญญาณว่ายินดีสู้ด้วยสิ่งที่ มีแม้ต้องแพ้หากสหรัฐโจมตีกลับ ก็จะยิงขีปนาวุธไปทำลายดูไบอีก
ไม่ใช่แค่ห้าว อิหร่านยังประกาศเปิดตัวมิ ตรประเทศอย่างจีนและรัสเซียที่ พร้อมหนุนหลังอีกด้วย
ทำให้ทวิตเตอร์ มีแฮชแท็คติดอันดับโลกเกี่ยวข้ องกับอิหร่านหลายแฮชแท็ค เช่น #IranVSUSA #PrayForPeace #IranAttack #WWIII เป็นต้น
อีกมุมหนึ่ง ทรัมป์ คือนักธุรกิจ ไม่ถนัดด้านความมั่ นคงและการทหาร แม้จะนั่งเก้าอี้ประธานาธิบดีมี อำนาจสั่งให้กองทัพเดินหน้าเต็ มที่ สุดท้ายแล้วนักธุรกิจย่อมต้ องการเวทีที่ตัวเองถนัดนั่นคื อการต่อรอง บวกลบคูณหารกับการทำสงครามแล้ วแม้สหรัฐจะชนะแต่ก็ “ได้ไม่คุ้มเสีย”
ประเด็นต่อมาคือการเข้าไปในภูมิ ภาคตะวันออกกลาง สหรัฐย่อมถูกทั่วโลกมองว่าต้ องการบ่อน้ำมัน แม้จะปฏิเสธว่าไม่ แต่การสังหารนายพลโซไลเมนีเพี ยงเพื่อถูกครหาว่าอยากยึดบ่อน้ำ มันมาบริหารในเชิงธุรกิจ ชนะยังไงก็ไม่คุ้ม
นอกจากนี้หลายประเทศในยุโรปที่ ทรัมป์หวังจะให้เป็นพันธมิตรร่ วมสนับสนุนในการใช้กำลัง กลับนิ่งเฉยและแสดงฐานะชัดเจนว่ ามาแค่ยืนเป็นเพื่อนแก้ เหงาเฉยๆ ไม่ขอออกตัวออกแรง เนื่องจากการเปิดแผลให้ลุ กลามครั้งนี้ตัวทรัมป์เองมีส่ วนสร้างขึ้นมาเองทั้งสิ้น

ทรัมป์ พยายามยืนยันว่านายพลโซไลเมนี อยู่เบื้องหลังและให้การสนับสนุ นกลุ่มผู้ก่อการร้าย เพื่อโน้มน้าวประเทศในแถบยุ โรปเข้าร่วมกดดันอิหร่าน แต่ทรัมป์อาจจะลืมไปว่า นายพลโซไลเมนีคือผู้มี อำนาจทางการทหารที่มีอิทธิพลอย่ างมาก เขาเดินทางไปยังยุโรปบ่อยครั้ งเพื่อทำงานเชิงลึกกับผู้ นำหลายประเทศร่วมต่อต้านกลุ่มผู้ ก่อการร้าย
ประธานาธิดีอิหร่าน ฮัสซัน รูไฮนี ถึงกับทวิตข้อความว่า พลเอกโซไลเมนี ทำงานต่อต้านกลุ่มผู้ก่อการร้ ายไอซิส อัลเคด้า และอื่นๆอีกมากมาอย่างยาวนาน หากไม่มีโซไลเมนีเมื องหลวงประเทศต่างๆในยุโรปวันนี้ จะต้องตกอยู่อย่างอันตราย
เมื่อทรัมป์กลับเชื่อว่ าโซไลเมนีอยู่เบื้องหลัง จึงต้องสังหาร ทำให้บางประเทศเกิดความสงสัยขึ้ นมาทันที
บ่อน้ำมัน -ก่อการร้าย อาจทำให้ทรัมป์รู้สึกโดดเดี่ ยวจากมิตรประเทศ แต่ฟางเส้นสุดท้ายคือ กระแสทวิตเตอร์ โซเชียล และกนะแสของคนอเมริกันจำนวนมาก ส่งเสียงเรียกร้องสันติภาพ ไม่เอาสงคราม
ประเด็นนี้ทำให้ทรัมป์ กลายเป็นประธานาธิบดี คนแรกของสหรัฐที่ถูกมวยรองบ่ อนตบหน้าแล้วท้าชกแบบถูกกติกา ใสสะอาด ภายใต้สนธิสัญญาข้อบังคับระหว่ างประเทศ

เมื่อ ทรัมป์ทวิตข้อความว่าเชื่อมั่ นในประสิทธิภาพของยุทโธปกรณ์ ทางทหาร และยังตั้งใจย้ำอีกครั้ งในการแถลง ยิ่งทำให้ภาพความเป็นนักธุรกิ จชัดเจนมากยิ่งขึ้น
ประเด็นสุดท้าย คือ อาวุธนิวเคลียร์ที่ทรัมป์ ใช้คำว่า “ถ้าผมยังเป็นประานาธิบดี อิหร่านจะต้องไม่มีนิวเคลียร์ ซึ่งเหมือนจะพยายามแซะนายบารัก โอบาม่า ในช่วงที่เป็ยประธานาธิบดีว่ามี การจ่ายเงินผ่านกองทุนเพื่อซื้ อขีปนาวุธให้อิหร่าน รวมทั้งสนับสนุนให้มีการทดลองนิ วเคลียร์
ข้อมูลจาก CNBC ปี2018 ระบุว่ามีทั้งหมด 9 ประเทศที่มีอาวุธนิวเคลียร์ ครอบครอง ได้แก่เกาหลีเหนือ 20 ลูก, อิสราเอล 80 ลูก, อินเดีย 130 ลูก, ปากีสถาน 140 ลูก, สหราชอาณาจักร 215 ลูก, จีน 270 ลูก, ฝรั่งเศส 300 ลูก, สหรัฐอเมริกา 6,550 ลูกและรัสเซีย 6,800 ลูก
อย่างไรก็ตาม มีผลสำรวจว่าตั้งแต่ นายพลโซไลเมนี ถูกลอบสังหารความนิ ยมของคนอเมริกันที่มีต่อทรัมป์ ลดลง เนื่องจากไม่เห็นด้วยกับปฏิบัติ การดังกล่าว จนนำมาสู่โอกาสเสี่ยงที่จะเกิ ดสงคราม
สอดคล้องกับจำนวนยอดผู้ใช้ทวิ ตเตอร์ทีากดติดตามโดนัลด์ ทรัมป์ เคยมียอดเฉลี่ยอยู่ที่ข้ อความละ 5 แสนคน แต่ปัจจุบันหลังเหตุลอบสังหาร เหลือเพียง 7หมื่นกว่าคนเท่านั้น
การประดิษฐ์คำของทรัมป์ให้ดู เหมือนว่าการลอบฆ่าเป็นความถู กต้องซึ่งกลายเป็นดราม่าให้ ชาวเน็ตอเมริกัน รวมทั้งคนอเมริกา ต่างพากันถล่มว่า คำสั่งให้ลอบสั งหารนายพลโซไลมานี ทรัมป์อาจได้ข้อมูลจากทีมงานที่ ผิดพลาด
จริงอยู่ที่ ทรัมป์ อาจจะชะลอการเกิดสงครามกับอิหร่ านได้บ้างหลังตัดสินใจยังไม่ยิ งตอบโต้อิหร่าน แต่ทรัมป์ได้ดึงให้ชีวิ ตของพลเมืองอเมริกันทั้งหมดต้ องตกอยู่ในความเสี่ยงแทน
การเป็นชนวนเริ่มจุดไฟสงคราม ไม่เพียงทำให้คนอเมริกันและอิ หร่าน เกลียดขี้หน้าทรัมป์มากขึ้นเท่ านั้น แต่ยังทำให้คนที่ต้ องการความสงบสุขและสันติภาพที่ ไม่รุกรานใคร เริ่มไม่พอใจกับทรัมป์ทวีคูณขึ้ นเรื่อยๆ
ประโยคที่ถูกรีทวิตบ่อยครั้ งโซเชียลต่างประเทศในตอนนี้คือ “รัฐบาลมีเงินใช้จ่ ายในการมำสงคราม แต่กลับไม่มีเงินซื้อในการซื้ ออาหารให้กับคนยากไร้”