Biznews

ถอดกลยุทธ์แบบ O+O สไตล์ “วัตสัน”

เปิดให้บริการในไทยมาครบ 22 ปีบริบูรณ์สำหรับ “วัตสัน ประเทศไทย” ผู้นำร้านเพื่อสุขภาพและความงามอันดับหนึ่งของประเทศไทยท่ามกลางการแข่งขันอันร้อนแรงของร้านสเปชียลลิตี้สโตร์ที่มีอยู่จำนวนมากในเวลานี้แถมการแข่งขันยังร้อนแรงสม่ำเสมอและต่อเนื่องมาทุกปีเนื่องจากพฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงตลอดเวลาแต่ตลาดเพื่อความสวยความงามก็ยังคงโตและเป็นธุรกิจเดียวที่ไม่เคยถดถอย

วัตสัน ประเทสไทยอยู่ภายใต้เอ.เอส. วัตสัน กรุ๊ป ซึ่งก่อตั้งขึ้นในปีพ.ศ. 2384 เป็นผู้นำร้านค้าปลีกเพื่อสุขภาพ ความงาม และไลฟ์สไตล์ที่ใหญ่ที่สุดในเอเชีย และยุโรป ด้วยสาขากว่า 14,000 ร้าน ใน 24 ประเทศ โดยทุกปี ลูกค้า และสมาชิกกว่าสามพันล้านคนต่างซื้อของกับแบรนด์ร้านค้าปลีกของ เอ.เอส. วัตสัน กรุ๊ป ภายใต้ 13 แบรนด์ ทั้งในร้านค้าและทางออนไลน์

เอ.เอส. วัตสัน กรุ๊ป ยังเป็นบริษัทภายใต้กลุ่มบริษัทชั้นนำของโลกอย่าง ซีเค ฮัทชิสัน โฮลดิ้ง กลุ่มบริษัทผู้ดำเนินธุรกิจหลัก 5 ธุรกิจ ได้แก่ ธุรกิจการเดินเรือและบริการ กลุ่มธุรกิจค้าปลีก กลุ่มธุรกิจด้านโครงสร้างพื้นฐาน กลุ่มธุรกิจด้านพลังงาน และกลุ่มธุรกิจด้านโทรคมนาคมใน 50 ประเทศ

ในโอกาสครบรอบ 22 ปี ล่าสุด วัตสันแถลงวิสัยทัศน์ ประจำปี 2561 ขึ้น โดยมีหลายประเด็นธุรกิจที่น่าสนใจ โดยเฉพาะการตั้งเป้าหมายทางธุรกิจ ที่วัตสันปรารถนาจะเชื่อมต่อการช้อปปิ้งระหว่างออฟไลน์กับออนไลน์เข้ากันอย่างอย่างไร้รอยต่อ (Seamless) ซึ่งวัตสันมีความเชื่อมั่นเป็นอย่างยิ่งว่า ความแข็งแกร่งในด้านร้านค้าสาขา ศักยภาพในด้านดิจิทัล และการเติบโตของดิจิทัลแพลตฟอร์มของวัตสันเอง คือสามส่วนผสมที่ลงตัวที่จะตอบสนองต่อความคาดหวังจากลูกค้าได้เป็นอย่างดีในโลกของการค้าปลีกยุคใหม่ โดยเน้นกลยุทธ์แบบ O+O หรือ Offline+Online ไม่มีสะดุดทุกการช้อปปิ้ง จะไม่มีการแยกหน้าร้านหรือหน้าแอพออกจากกันอีกต่อไป โดยนำข้อดีของทั้งสองรูปแบบมาผสานกันเพื่อสร้างประสบการณ์ที่ดีที่สุดในการช้อปปิ้งให้กับลูกค้า ในปีนี้วัตสันจึงยังให้ความสำคัญต่อการลงทุนทั้งในส่วนของสโตร์ควบคู่ไปกับออนไลน์สโตร์อย่างต่อเนื่อง

มร.ร็อด เร้าท์ลี่ย์ กรรมการผู้จัดการ ภูมิภาคเอเชีย กล่าวว่า การหลอมรวมรูปแบบการช้อปปิ้งในสโตร์และออนไลน์สโตร์เข้าด้วยกันเป็นวิสัยทัศน์ของวัตสัน เพื่อมุ่งสร้างประสบการณ์ที่แสนพิเศษและน่าตื่นเต้นให้กับลูกค้า” การขยายสาขาอย่างรวดเร็วนั้นก็เพื่อตอบรับความต้องการของผู้บริโภคในทุกพื้นที่ทั่วไทย ความแข็งแกร่งของแบรนด์วัตสันที่ผู้บริโภครับรู้ได้ถึงความมีนวัตกรรม มีความน่าเชื่อถือจากมาตรฐานของคุณภาพสินค้าที่จัดจำหน่าย และความหลากหลายของสินค้าเพื่อสุขภาพและความงามที่มีให้เลือกไม่รู้จบ ตลอดจนวิสัยทัศน์เรื่อง O+O เหล่านี้ล้วนเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้วัตสันประสบความสำเร็จในรูปแบบ ‘การช้อปปิ้งไร้รอยต่อ’ ที่จะนำพาความสะดวกสบายในการจับจ่ายมาสู่ผู้บริโภคไทยได้ทุกที่ทุกเวลา

หลังการเปิดตัวอย่างเต็มรูปแบบ ในปี 2560 วัตสันออนไลน์ประสบความสำเร็จอย่างรวดเร็ว โดยมียอดการจำหน่ายเติบโตสูงขึ้นถึง 3 เท่า ภายในระยะเวลา 12 เดือน และยังเติบโตอย่างต่อเนื่อง ด้วยการวางรูปแบบออนไลน์สโตร์ให้สอดรับกับสโตร์ได้อย่างลงตัว โดยนำเสนอสินค้าที่หลากหลาย มีสินค้าพิเศษเฉพาะออนไลน์ และโปรโมชั่นที่น่าตื่นตาตื่นใจไม่แพ้กัน ผนวกกับข้อดีที่สามารถช้อปได้ทุกที่ทุกเวลาและการชำระเงินได้หลากหลายช่องทาง ซึ่งวัตสันมั่นใจว่าแพลตฟอร์มออนไลน์จะเดินหน้าเติบโตขึ้นไปได้อย่างต่อเนื่อง โดยล่าสุดในการฉลองครบรอบ 3 ปี วัตสันออนไลน์ ไปเมื่อวันที่ 5 พฤษภาคม หรือวันที่ห้าเดือนห้า มีการทำแคมเปญสุดยิ่งใหญ่ เพื่อสร้างการรับรู้ในวงกว้างและดึงดูดผู้บริโภคหน้าใหม่เข้าสู่แพลตฟอร์ม โดยมีหัวใจหลักอยู่ที่ความน่าเชื่อถือและความหลากหลายของสินค้าที่นำเสนอ สร้างความเชื่อมั่นให้กับทุกการจับจ่ายที่วัตสัน เมื่อพิจารณาในฝั่งของลูกค้า จะพบว่าการที่มีทั้งสโตร์และออนไลน์สโตร์สามารถเข้าถึงลูกค้าได้หลากหลายกว่าการมีช่องทางการขายอย่างใดอย่างหนึ่ง

ในด้านสโตร์วัตสัน หลังจากการเปิด 50 สาขาใหม่ได้ตามเป้าในปี 2560 วัตสันมีแผนเปิดอีก 50 สาขาในปีนี้ โดยเมื่อถึงสิ้นปี 2561 วัตสันจะมีสาขารวมทั้งสิ้น 515 สาขา กระจายอยู่ทั่วทั้งประเทศ ทั้งในปีนี้วัตสันยังมีการปล่อยรูปแบบร้าน (Store Format) คอนเส็ปต์ใหม่ออกมา โดยมีการนำร่องสาขาแรกไปแล้วที่ศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์ บนพื้นที่ 500 ตารางเมตร

ร้านคอนเส็ปต์ใหม่นี้ถือเป็นรูปแบบที่สร้างสรรค์ขึ้นเพื่อเอาใจผู้บริโภคยุคใหม่ที่ต้องการประสบการณ์การช้อปปิ้งอันน่าตื่นเต้นยิ่งขึ้น ด้วยบรรยากาศที่สนุก การจัดแบ่งหมวดหมู่และจัดเรียงสินค้าที่ปรับปรุงให้ดีขึ้น วิธีใหม่ๆ ในนำเสนอแบรนด์ผลิตภัณฑ์ การจัดแสงสว่าง การนำอุปกรณ์ดิจิทัลเข้ามาผสมสผสานอย่างเห็นได้ชัดในร้านรูปแบบใหม่นี้ ซึ่งสาขาใหม่ที่จะเปิดในปีนี้ราว 20-25 สาขาจะเป็นรูปแบบเดียวกับสาขาเซ็นทรัลเวิล์ด

ความพิเศษของสาขาเซ็นทรัลเวิล์ดแห่งนี้แตกต่างไปจากสาขาเดิมอย่างสิ้นเชิง ด้วยขนาดพื้นที่ที่ใหญ่ขึ้นทำให้สามารถจัดวางสินค้าได้เป็นหมวดหมู่ อาทิ สินค้าเมกอัพ ,STYLE ME เทคนิคการแต่งหน้าด้วยตัวเอง ,ช่องทางการชำระสินค้าด้วยตัวเองด้วยการสแกนผ่านคิวอาร์โค้ด และที่พิเศษสุดร้านแห่งนี้ลูกค้าสามารถช้อปออนไลน์แถมฟรีไวไฟอีกด้วย

นอกจากขยายสาขาใหม่ต่อเนื่องแล้ว วัตสันยังให้ความสำคัญกับการปรับปรุงสาขาเดิมให้มีความทันสมัยภายใต้คอนเส็ปต์ใหม่นี้ ด้วยการปรับรุงสาขาเดิมประมาณ 75 สาขาภายในปีนี้ ควบคู่ไปกับการพัฒนาในด้านดิจิทัลแพลตฟอร์มและอีคอมเมิร์สให้ดียิ่งขึ้น ภายใต้เงินลงทุนทั้งสิ้น 600 ล้านบาทมากกว่าปีก่อนที่ใช้ไป 500 ล้านบาท

แม้การช้อปปิ้งออนไลน์จะเติบโตขึ้นเป็นอย่างมาก แต่ไม่ได้มีผลต่อการเปิดสาขาใหม่ เนื่องด้วยในภาพรวมตลาดสินค้าเพื่อสุขภาพและความงามของประเทศไทยยังขยายตัวได้ดี และเราเองเห็นว่าการช้อปปิ้งที่หน้าร้านยังคงเป็นวิธีที่ดีที่สุดในการตอบสนองต่อผู้บริโภคไทย” มร.ร็อด เร้าท์ลี่ย์ กล่าวเสริม

ขณะที่โปรแกรมสมาชิกวัตสันก็ยังคงเดินหน้าคว้าความสำเร็จอย่างต่อเนื่อง ปัจจุบันมียอดสมาชิกมากกว่า 4 ล้านคน ที่ใกล้ชิดกับแบรนด์ยิ่งขึ้น ด้วยช่องทางการสื่อสารที่เข้าถึง การมอบโปรโมชั่นที่พิเศษกว่าลูกค้าทั่วไป ตลอดจนการทำกิจกรรมพิเศษเพื่อสมาชิกโดยเฉพาะ ล่าสุดวัตสันได้ปล่อยบัตรสมาชิกระดับอีลีท (Watsons Elite Card) ไปเมื่อต้นปีที่ผ่านมา เพื่อเป็นการตอบแทนแก่สมาชิกที่ผูกพันธ์กับวัตสันอย่างแนบแน่น มีการใช้จ่ายอย่างสม่ำเสมอ และเพื่อเป็นการดูแลลูกค้าระดับคุณภาพเหล่านี้ให้ดียิ่งขึ้น ทางวัตสันจึงเพิ่มสิทธิพิเศษสุดตื่นตา ที่ยกระดับขึ้นจากบัตรสมาชิกปกติให้กับสมาชิกระดับอีลีท

การเชื่อมต่อด้วยโซเชียลมีเดีย ยังคงเป็นส่วนสำคัญในกลยุทธ์ด้านลูกค้าของวัตสัน ด้วยยอดแฟนเพจในเฟสบุ๊ก 2.3 ล้านยูสเซอร์ และเกือบ 4 ล้านยูสเซอร์ ในไลน์เฟรนด์ การผสมผสานโซเชียลมีเดียที่หลากหลาย เป็นวิธีการที่วัตสันเชื่อมั่นว่าจะเพิ่มฐานสมาชิกให้เติบโตยิ่งขึ้นไปอีก ทั้งยังเพิ่มประสิทธิภาพให้กับการสื่อสารระหว่างกันอีกด้วย

ในส่วนสุดท้ายที่ขาดไม่ได้คือสินค้าตราวัตสัน (Watsons Own Brand) โดยในปี 2561 นี้ วัตสันมีแผนนำเสนอผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ จากหลากหลายประเทศ อาทิ เกาหลี ญี่ปุ่น อีกราว 150 SKU จากในปัจจุบันที่มีอยู่ 770 SKU โดยในปี 2560 ที่ผ่านมา วัตสันประสบความสำเร็จเป็นอย่างมากในกลุ่มผลิตภัณฑ์เดอมาแอคชัน พลัส (Dermaction Plus Brand: DAP) ซึ่งเป็นกลุ่มเวชสำอาง โดยเฉพาะการส่งกลุ่มผลิตภัณฑ์
Dermaction Plus by Watsons Alive Plankton และ Dermaction Plus by Watsons Advanced Sun ออกสู่ตลาด ตามด้วย Dermaction Cleansing Water ในปีนี้

ด้านนางสาวนวลพรรณ ชัยนาม ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาด บริศัท เซ็นทรัลวัตสัน ประเทศไทย กล่าวถึงคีย์ซัคเซสของวัตสันว่า มาจาก 3 ปัจจัยคือ FASTER ความรวดเร็วในทุกด้านไม่ว่าจะเป็นคู่แข่ง ลูกค้า STRONGER ภายใต้แบรนด์วัตสัน และสุดท้ายคือการทำอะไรที่เหนือความคาดหมายของลูกค้า

ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาด วัตสัน บอกต่ออีกว่า ปัจจุบันพฤติกรรมของลูกค้าเปลี่ยนไปมาก จากเดิมเส้นทางการช้อปปิ้งของเหล่าช้อปเปอร์จะเป็นเส้นตรง นั่นคือ รับข้อมูลมาจากภาพยนตร์โฆษณาก็ไปหาซื้อสินค้าที่ร้านโดยตรง แต่ ณ ก่อนตัดสินใจซื้อสินค้า ลูกค้าหาข้อมูลจากแหล่งข้อมูลอย่างน้อย 3-4 แหล่งก่อนตัดสินใจซื้อ

ทั้งหลายทั้งปวงจึงเป็นที่มาจของกลยุทธ์ O+O หรือ Offline+Online เพื่อการช้อปปิ้งแบบไร้รอยต่อ สไตล์ วัตสัน

Related Articles

Back to top button
X
%d bloggers like this: