Real Estate

จับตา … ท่วงทำนองที่เปลี่ยนไปของธุรกิจอสังหาฯ

ด้วยปัจจัยรุมเร้าต่างๆ นานาที่มีทั้งควบคุมได้และควบคุมไม่ได้ทำให้ทุกธุรกิจต้องมีการปรับตัวรองรับการเปลี่ยนแปลงดังกล่าวอย่างรวดเร็วเพื่อความอยู่รอดของแต่ละองค์กร ขณะเดียวกันก็ต้องการสร้างความเติบโตและความแข็งแกร่งไปในตัว

นายวิธาน เจริญผล ผู้อำนวยการอาวุโสคลัสเตอร์ธุรกิจบริการ ศูนย์วิจัยเศรษฐกิจและธุรกิจ (EIC) ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยกับ “ฐานเศรษฐกิจ” ว่า ช่วง 2-3 ปีจากนี้ไป จะเห็นผู้ประกอบการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ (ดีเวลอปเปอร์) เริ่มแสวงหารายได้ในรูปแบบใหม่ ๆ จากเดิมที่จะใช้วิธีการเปิดโครงการที่อยู่อาศัย รอขาย และปิดโครงการ เพื่อรองรับรายได้ แต่หลังจากนี้ จะเริ่มเห็นผู้ประกอบการมองหาตลาดใหม่ ๆ เพื่อสร้างรายได้ให้มากขึ้น เพราะมองว่า การซื้อมาขายไปตลาดค่อนข้างเริ่มอิ่มตัวและไม่ได้ขยายตัวแบบก้าวกระโดดเหมือนในอดีต

ดังนั้น แนวโน้มจะเห็นผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์ทั้งรายใหม่และรายเก่า หันมาทำตลาดประเภทอื่นมากขึ้น เช่น ผู้ประกอบการรายเก่าหันมาพัฒนาอาคารสำนักงาน โรงพยาบาล หรือผู้ประกอบการรายใหม่หันมาทำโรงแรม หรือ ศูนย์ดูแลสุขภาพ เพื่อรองรับสังคมผู้สูงอายุ ไม่ได้เฉพาะแค่ลูกค้าต่างประเทศ แต่ลูกค้าไทยก็มีจำนวนมากเช่นกัน

ทั้งนี้ จากทิศทางที่ผู้ประกอบการหันมาพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์ในรูปแบบใหม่ ซึ่งเป็นโครงการขนาดใหญ่และมีมูลค่าสูง ทำให้ผู้ประกอบการจำเป็นต้องมีการร่วมมือกับต่างประเทศมากขึ้น ทั้งในแง่ของเม็ดเงินลงทุนและความรู้จากต่างประเทศที่จะมาช่วยพัฒนาโครงการ รวมถึงสามารถขยายฐานลูกค้าต่างชาติ จึงเกิดการดึงนักลงทุนต่างชาติเข้ามาลงทุนมากขึ้น ประกอบกับนักลงทุนต่างชาติเอง มองตลาดไทยกำลังเติบโตและจะมีการลงทุนในโครงการต่อขยายรถไฟฟ้าเพิ่มอีกหลายสาย จึงเป็นโอกาสที่จะลงทุน และจะเห็นว่า ผลตอบแทนการลงทุนค่อนข้างดี


แสนสิริ ลุยโรงแรม

แนวโน้มดังกล่าวปรากฏภาพชัดเจนเมื่อเราได้เห็นยักษ์ใหญ่ในวงการอสังหาฯ บ้านเราอย่าง ค่ายแสนสิริ เปิดตัวโรงแรมเดอะสแตนดาร์ด (The Standard Hotel) และสแตนดาร์ด เรซิเดนซ์ (Standard Residences) ในประเทศไทย พร้อมเปิดตัว วัน ไนท์ (One Night) แอปพลิเคชั่นจองโรงแรมภายในวันเดียวกับที่พัก ซึ่งขยายขอบข่ายการบริการสู่เอเชียเป็นครั้งแรกที่กรุงเทพฯ โดย Standard International ตั้งเป้าขยายสาขาโรงแรมทั่วโลกเพิ่มขึ้น 2 เท่า จาก 5 สาขาในปัจจุบันเป็น 10 สาขาภายใน 1 ปี และขยายเพิ่ม 2 เท่าอีกครั้งเป็น 20 สาขาภายใน 5 ปี ขณะที่ One Night เริ่มรุกสู่ตลาดเอเชียซึ่งมีศักยภาพการเติบโตทางธุรกิจสูง โดยเริ่มเปิดให้บริการที่กรุงเทพฯ เป็นแห่งแรก

อภิชาติ จูตระกูล บอสใหญ่แสนสิริ บอกว่า ได้เข้าถือหุ้นในสัดส่วน 35% ใน Standard International ซึ่งเป็นบริษัทแม่ คิดเป็นมูลค่า 58 ล้านดอลลาร์ หรือกว่า 1,900 ล้านบาท โดยเตรียมพัฒนาโครงการโรงแรม The Standard แห่งแรกที่ภูเก็ต และยังมีแผนจะพัฒนาโครงการ Standard Residences ร่วมกัน

The Standard มีโรงแรมทั้งหมด 6 แห่งในปัจจุบันและห้องพักรวมกันกว่า 1,200 ห้อง รวมโรงแรมแห่งใหม่ที่จะเปิดในลอนดอน The Standard สามารถสร้างรายได้ปีละประมาณ 200 ล้านดอลลาร์ หรือ 6,600 ล้านบาท มีอัตราการเข้าพักเฉลี่ย 85% มีรายได้เฉลี่ยต่อห้องพักเติบโต 121% โดยทุกสาขามีอัตราที่ใกล้เคียงกัน

นอกจากนี้ บมจ.แสนสิริ ยังเปิดตัว One Night แอพพลิเคชั่นจองโรงแรมภายในวันเดียวกับที่เข้าพัก โดยตัวแอพพลิเคชั่นดังกล่าวยังมีข้อมูลเกี่ยวกับกิจกรรมที่น่าสนใจบริเวณรอบโรงแรม และได้รวบรวมโรงแรมชั้นนำจำนวน 16 แห่งในกรุงเทพมหานคร ขณะเดียวกัน One Night ยังได้เปิดให้บริการแล้วในอีก 15 เมืองหลักในสหรัฐอเมริกา และลอนดอน ครอบคลุมโรงแรมอิสระกว่า 170 แห่ง และมีแผนขยายขอบข่ายให้ครอบคลุม 30 เมืองทั่วโลก รวมทั้งในเอเชีย และยุโรป ภายในสิ้นปี 63

“รอแยลเฮ้าส์” ลุยตลาดคอนโด

ในวงการธุรกิจรับสร้างบ้าน ต้องปรากฏชื่อ รอยัล เฮ้าส์ติดท็อปทรี ท็อปไฟรว์อย่างแน่นอน เพราะบริษัทแห่งนี้ก่อตั้งมากว่า 30 ปี ปัจจุบันบริหารงานโดยทายาทรุ่นที่ 3 ซึ่งเป็นคนหนุ่มไฟแรง และต้องการต่อยอดและสร้างสรรค์สิ่งใหม่ๆ ให้กับองค์กร ล่าสุด แตกไลน์ธุรกิจซึ่งถือเป็นเหล้าเก่าในขวดใหม่ ตั้งบริษัทในเครือ “รอแยลเฮ้าส์ อีเลฟเว่น” พัฒนาโครงการอสังหาฯ โดยเฉพาะด้วยการชูจุดขายคุมงานก่อสร้างเองด้วยบวกกับประสบการณ์รับสร้างบ้านกว่า 30 ปีการันตีคุณภาพ

โกศล โควิสุทธิ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท รอแยลเฮ้าส์ อีเลฟเว่น จำกัด เปิดเผยว่า หลายคนอาจรู้จักรอแยลเฮ้าส์เฉพาะในธุรกิจรับสร้างบ้าน แต่จริงๆ แล้ว รอแยลเฮ้าส์เองเคยมีประสบการณ์การพัฒนาที่อยู่อาศัยมานานแล้วหลายโครงการทั้งแนวราบและแนวดิ่ง เช่น Royal Tower 3 อินทามระ 25, Green Peace Mansion ประดิพัทธ์ ซอย 7, Royal Kamala ภูเก็ต วันนี้เราเพิ่มความท้าทายใหม่ๆและโอกาสให้ตัวเองด้วยการจัดตั้งบริษัทใหม่ เพิ่มเซ็กเมนท์และทางเลือกในการช่วยตอบโจทย์ด้านที่อยู่อาศัยของผู้บริโภคอย่างเป็นทางการ โดยจุดแข็งหลักของบริษัท คือการควบคุมงานด้านการก่อสร้าง หรือ Construction Management ด้วยตัวเอง ผ่านประสบการณ์กว่า 30 ปีในธุรกิจรับสร้างบ้านและพัฒนาที่อยู่อาศัย เพื่อให้มั่นใจได้ว่าโครงการที่ก่อสร้างโดยรอแยลเฮ้าส์ อีเลฟเว่น จะมีคุณภาพและมาตรฐานที่ยอดเยี่ยม

โครงการแรกที่ภูมิใจนำเสนอคือ คอนโดมิเนียมแบรนด์แรก ภายใต้ชื่อ “โคคูน” (Cocoon) ซึ่งหมายถึงดักแด้ สื่อถึงการให้ผู้บริโภคสามารถกลับเข้ามาพักผ่อนใน “Charging Pod” เช่นเดียวกับดักแด้ได้ที่โครงการแบรนด์นี้ บรรยากาศโครงการจะสงบ อบอุ่น ร่มรื่น เป็นส่วนตัว ช่วยฟูมฟักผู้อยู่อาศัยจากดักแด้สู่การเป็นผีเสื้อ สอดคล้องกับคอนเซ็ปต์ “ชาร์จชีวิตให้สมดุล” ในชื่อ “โคคูน พระราม 9” (Cocoon Rama 9) ตั้งอยู่ในทำเลที่ใกล้กับทั้ง The Nine พระราม 9 โรงพยาบาลสมิติเวช ศรีนครินทร์ ทางพิเศษศรีรัช รถไฟฟ้าสายสีเหลืองสถานีศรีกรีฑาและแอร์พอร์ตลิงค์สถานีหัวหมาก มุ่งเน้นการพัฒนาโครงการให้มีคุณภาพระดับพรีเมียม ในราคาที่เข้าถึงได้ เพื่อตอบโจทย์กลุ่มเรียลดีมานด์ในพื้นที่ อาทิ แพทย์-พยาบาลในโรงพยาบาล คนทำงานออฟฟิศ สถาบันการศึกษา และห้างสรรพสินค้า ไปจนถึงคนที่ทำงานในสนามบินสุวรรณภูมิ ในราคาเริ่มต้น 1.69 ล้านบาท หรือเฉลี่ยทั้งโครงการประมาณ 70,000 บาท/ตร.ม.

นี่คือ สิ่งที่ผู้ประกอบการต้องปรับตัวและปรับกลยุทธ์ใหม่เพื่อสร้างโปรดักต์ที่ตอบโจทย์และโดนใจผู้บริโภคมากขึ้นในวงการอสังหาริมทรัพย์บ้านเราในเวลานี้

Related Articles

Back to top button
X
%d bloggers like this: